หยวนซื่อไข่ 袁世凯 จอมวายร้ายของประวัติศาสตร์จีน
มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับการประจบสอพลอของเขา โดยเริ่มจาก เป็นที่รู้กันดีว่า นางซูสีไทเฮานั้น เป็นคนที่นิยมเลี้ยงนกอย่างมาก หยวนซื่อไข่ นั้น ลงทุนนำเข้า นกแก้วจากอินเดียมาถวาย แต่ก่อนถวาย ได้สอนให้นกทั้ง 2 ตัว พูดว่า พระพันปี อายุยืนหมื่นปี กับ พระพันปี ทรงพระเจริญ อีกด้วย
การหักหลังครั้งแรก กวางซวี่ฮ่องเต้
ในสมัย กวางซวี่ฮ่องเต้(光绪) นั้น แม้เขาจะเป็นฮ่องเต้ แต่เขาเป็นเพียงหุ่นเชิดของพระนางซูสีไทเฮา (慈禧太后) ชาวตะวันตก ถึงกับเรียกว่า ฮ่องเต้หลังม่าน กันเลยทีเดียว แต่เมื่อประเทศชาตินั้นตกต่ำ กวางซวี่ฮ่องเต้ ก็มีแนวคิดที่จะปฎิรูปประเทศจีนให้เจริญก้าวหน้าเหมือนประเทศญี่ปุ่น (การปฎิรูปเมจิ) โดยฮ่องเต้จะอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ ซึ่งแนวคิดนี้ ต่างกับแนวคิดอนุรักษ์นิยมของพระนางซูสีไทเฮา
มิถุนายน ค.ศ.1898กวางซวี่ฮ่องเต้ ได้ออกพระบรมราชโองการหลายฉบับ ที่ได้รับการสนับสนุนจาก คังโหย่เหวย และเหลี่ยงฉี่เชา ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง การก่อตั้งมหาวิทยาลัยปักกิ่ง สร้างทางรถไฟ เปลี่ยนระบบการรับราชการ แต่พระนางซูสีไทเฮา และข้าราชการหัวเก่า กลับไม่พอใจเรื่องดังกล่าว และเชื่อว่า กวางซวี่ฮ่องเต้นั้นเชื่อฟัง ฑูตจากอังกฤษและญี่ปุ่นมากเกินไป
กวางซวีฮ่องเต้ นั้นพยายามก่อรัฐประหารโดยเรียกใช้ หยวนซื่อไข่ ผู้นำกองทัพเป่ยหยาง ที่แม้จะมีกองทัพเพียง 6000 นาย แต่ก็มีอาวุธที่ทันสมัย ขณะที่ซูสีไทเฮานั้น มีทหารหัวอนุรักษ์นิยมจำนวนมากกว่า และมีประสบการณ์การรบกับต่างชาติ ทำให้พอมีอาวุธที่ทันสมัยอยู่บ้าง แต่ก่อนการทำรัฐประหาร 1 วัน หยวนซื่อไข่ ได้ไปเข้าเฝ้าพระนางซูสีไทเฮาเพื่อเล่าแผนการณ์ทั้งหมด
วันที่ 21 กันยายน ค.ศ.1898พระนางซูสีไทเฮานั้น เรียกทหารไปล้อมพระราชวังต้องห้ามจับกวางซวี่ฮ่องเต้ ไปคุมขังที่เกาะกลางทะเลสาบ ผู้สมรู้ร่วมคิด อย่าง คังโหย่เหวย และเหลี่ยงฉี่เชา ลี้ภัยไปต่างประเทศ ขณะที่ ทาน ซื่อทง โดนประหารชีวิต (การปฎิรูปประเทศจีนครั้งนี้ เรียกการปฎิรูป 100 วัน เนื่องจาก ปฎิรูปได้เพียง 100 วัน ก็ถูกพระนางซูสีไทเฮาให้ยกเลิก)
นอกจากนี้ ก่อนที่พระนางซูสีไทเฮา จะสิ้นพระชนม์ 1 วัน มีข่าวลือว่า มีการลอบวางยาพิษ กวางซวี่ฮ่องเต้ โดยมี 2ทฤษฎี คือ 1 พระนางซูสีไทเฮาเป็นคนวางยาพิษ กวางซวี่ฮ่องเต้ เพราะกลัวว่า กวางซวี่ฮ่องเต้จะพาระบบฮ่องเต้ไปสู่ยุคตกต่ำ และ 2. หยวน ซื่อไข่ รีบวางยาพิษกวางซวี่ ก่อนพระนางซูสีไทเฮาจะเสียชีวิต เพราะหากพระนางซูสีไทเฮาสวรรคตแล้ว กวางซวี่ฮ่องเต้ จะกลับมามีอำนาจ และมาล้างแค้นเขา อย่างไรก็ดี เรื่องนี้ ผู้กำความลับคือ ขันทีคนสนิท พระนางซูสีไทเฮา คือ หลี่ เหลียนอิง ที่ออกจากวังไปเมื่อซูสีไทเฮา สวรรคตครบ 100 วัน แต่เชื่อว่าเขาถูกสังหารมากกว่าเพราะมีการเปิดหลุมศพเขาขึ้นมา พบศพมีแต่กระโหลกเท่านั้น จึงเชื่อว่าเขาโดนตัดหัวมากกว่า
ก่อนกวางซวี่ฮ่องเต้จะเสียชีวิต ยังเขียนจดหมายแสดงความในใจว่า เป็นเพราะหยวนสื่อไข่คนเดียวทำให้ชีวิตเขาต้องตกต่ำ และทุกข์ทรมานใจถึงเพียงนี้
การหักหลังครั้งที่ 2 หักหลังราชวงศ์ชิง
หลังการสวรรคตของกวางซวี่ ฮ่องเต้ และพระนางซูสีไทเฮา หยวนซื่อไข่ ก็แอบติดต่อกับ ดร.ซุนยัดเซ็น แบบลับๆ เพื่อให้การช่วยเหลือแก่ ดร.ซุน แต่ความแตก ทำให้เขาถูกขับไล่ออกจากราชการทหาร ในปี ค.ศ. 1908 แต่ในปี ค.ศ. 1911 การปฎิวัติ มีแนวโน้มว่าจะชนะ สูง ทำให้ ราชวงศ์ชิงต้องเรียกตัวเขาเข้ามารับราชการเป็นการด่วน โดยเขาเจรจาต่อรองเพื่อให้ราชวงศ์ชิงให้อำนาจทั้งหมดแก่เขา
ขณะที่ ดร. ซุนที่ได้รับเลือกเป็นประธานธิบดี (มีอำนาจเฉพาะทางใต้) กำลังยกทัพขึ้นมายึดที่ทางเหนือ นั้น หยวนซื่อไข่ ก็เปิดโต๊ะขอเจรจากับ ดร.ซุน โดยเจรจากับ ดร.ซุนว่า ให้ดร.ซุนนั้นลาออกจาก ตำแหน่งประธานธิบดี และมอบตำแหน่งประธานธิบดีให้เขาก่อน แล้วเขาจะบีบให้ฮ่องเต้สละราชสมบัติเอง
วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 1912 หยงลู่ไทเฮา พระมารดาของปูยีฮ่องเต้ ก็ออกมาประกาศสละราชบังลังก์ ทำให้ ดร.ซุน ต้องสละตำแหน่งประธานาธิบดี ด้วย แต่ตัวหยวนสื่อไข่ เองก็วางแผนส่งทหารปลอมเป็นชาวบ้าน สร้างความวุ่นวายที่ปักกิ่งและเทียนจิน ไปทั่ว ทำให้เขาอ้างว่า ประเทศยังไม่สงบ ทำให้ต้องรีบแต่งตั้งประธานธิบดีคนใหม่อย่างเร่งด่วน
วันที่ 10 มีนาคม 1912 เขาก็ขึ้นรับตำแหน่ง ประธานธิบดีคนที่สองของจีน แต่ถัดมาก็มีการเลือกตั้งอย่างเร่งด่วน แน่นอนว่า พรรคก๊กมินตั๋ง ได้เสียงข้างมาก แต่ก็มีข่าวลือว่า หยวนสื่อไข่นั้น พยายามกว้านซื้อเสียงของก๊กมินตั๋งอย่างหนัก แต่หัวหน้าพรรค ตอนนั้นคือ ซ่งเจี้ยวเหริน(宋教仁) นั้นไม่ยอมโหวตให้เขาเป็นประธานธิบดีต่อ ทำให้ซ่งเจี้ยวเหรินนั้นกลายเป็นศพ
ตอนนี้กลุ่มปฎิวัติเดิม ไม่พอใจอย่างหนัก ก่อสงครามกลางเมืองอีกครั้ง แต่อำนาจกองทัพของหยวนสื่อไข่นั้นแข็งแกร่งมาก ทำให้เพียง 2 เดือน เขาก็สามารถกวาดล้างกลุ่มปฎิวัติเก่าได้เกือบหมด ดร.ซุนเองก็ต้องลี้ภัยไปญี่ปุ่น ตอนนี้ หยวนซื่อไข่ ก็ส่งคนสนิทไปประจำตำแหน่งใหญ่ต่างๆ ทั่วประเทศไว้เรียบร้อยแล้ว
วันที่ 10 ตุลาคม 1913 มีการโหวตเลือกประธานธิบดีอีกครั้ง แน่นอนว่าเขาได้รับเลือกอีกครั้ง พร้อมกับประกาศรัฐธรรมนูญใหม่ คือ ให้เลือกประธานธิบดีใหม่ทุก 10 ปี
วันที่ 18 สิงหาคม 1915 ญี่ปุ่นส่งคนมาเจรจาลับๆ กับหยวนสื่อไข่ ว่า ญี่ปุ่นจะสนับสนุนให้หยวนสื่อไข่เป็นฮ่องเต้ โดยแลกกับ ญี่ปุ่นขอสิทธิอำนาจเดิมที่เยอรมันและรัสเซียเคยได้รับแทน โดยเดือนนั้น หยวนได้สร้างเรื่อง คือ ให้มีการค้นพบกระดูกมังกร แล้วใช้การโฆษณาชวนเชื่อแก่ประชาชนว่า สวรรค์ต้องการให้จีนมีฮ่องเต้ และประกาศว่า วันที่ 1 มกราคม 1916 จะเป็นวันสถาปนาฮ่องเต้ แต่กระแสต่อต้านเขาเริ่มแรงขึ้นเรื่อยๆ
หลังจากนั้น วันที่ 11 ธันวาคม ค.ศ. 1915 สภาแห่งชาติซึ่งอยู่ในอำนาจของหยวนก็ลงมติเลือกให้หยวนขึ้นดำรงตำแหน่งจักรพรรดิจีน หยวนแสร้งปฏิเสธการรับตำแหน่ง แต่จะยอมรับตำแหน่งดังกล่าว ก็ต่อเมื่อ สภามีการลงมติอีกครั้งในวันเดียวกัน ในวันรุ่งขึ้น หยวน ซื่อไข่ ภายใต้การสนับสนุนของหยวน เก้อติง (Yuan Keding) ผู้เป็นบุตร ก็ได้ประกาศก่อตั้งจักรวรรดิจีนขึ้นใหม่ โดยหยวน ซื่อไข่ ดำรงตำแหน่ง "มหาจักรพรรดิแห่งจักรวรรดิจีน" (中華帝國大皇帝) พร้อมขนานนามรัชศกใหม่ว่า "รัชศกหงเซียน" (洪憲)
หลังจากวันที่ 12 ธันวาคม ผู้ว่าการมลฑลต่างๆ ต่างประกาศตัวเป็นอิสระ โดยเฉพาะ ไช่เอ้อ (蔡锷) ผู้ว่าการมณฑลยูนนาน ตอนนี้กระแสต่อต้านเขารุนแรงมาก เกิดสงครามกลางเมืองขึ้นอีกครั้ง กองทัพเป่ยหยางของเขาพ่ายในหลายสมรภูมิ ขณะที่ญี่ปุ่นประกาศจะเข้ามาร่วมต่อสู้ด้วย ทำให้หยวนประกาศเลื่อนวันสถาปนา จากวันที่ 1มกราคม ไปเป็นวันที่ 1 มีนาคม 1916 แทนเพื่อลดแรงกดดันลง
วันที่ 20 มีนาคม 1916 เขาก็ทนกระแสต่อต้านไม่ไหว ประกาศยอมยกเลิกระบบกษัตริย์ไป ต่อมาเขาก็เริ่มล้มป่วย จากโรคไตวาย
วันที่ 6 มิถุนายน 1916 เขาก็เสียชีวิตจากโรคโลหิตเป็นพิษ จากโรคไตวาย
หลังการเสียชีวิตของหยวนซื่อไข่ หลี่เหยียนหง ก็เข้ามาเป็นประธานธิบดีแทน แต่เขากลับถูก จอมพลจางซุน ผู้ว่ามณฑลเหอหนานก่อรัฐประหาร และยึดปักกิ่งได้ ต่อมา ต้วนฉีรุ่ย ก็นำทหาร 2 แสนนายมาตีคืน โดยแต่งตั้งให้เฟิงกั๋วจาง เป็นประธานธิบดีแทน และตั้งตัวเองเป็นนายกรัฐมนตรี ถือเป็นจุดเริ่มต้นของยุคขุนศึกที่แท้จริง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น