ปริศนาธรรม ไซอิ๋ว ตอนที่ 14 ผลไม้อายุยืน (人參果)
(ระหว่างอ่านปริศนาธรรม ระกวนช่วยคลิ๊กให้วิดีโอมันวิ่งไปด้วยนะครับ เป็นกำลังใจให้ แอดมินหน่อยนะ)
เซียน ติ้นหวนจื้อ (เต่งง้วงไต่(鎮元大仙)) ผู้เป็นอมตะ เป็นเซียนที่อาศัยอยู่ที่ วัดบนภูเขาอายุยืน (萬壽山) โดยในวัดเขามีของวิเศษคือ ต้นไม้ ยิ่นเซียมก๊วย(Ginseng-fruit (人參果) ที่จะออกผลไม้รูปร่างเหมือนเด็กทารก 30 ลูกทุกๆ 9000 ปี เมื่อได้ดมกลิ่นอายุจะยืนขึ้น 360 ปี และเมื่อได้กินอายุจะยืนถึง 47000 ปี โดยเซียนท่านนี้ได้ออกเดินทางไปฟังธรรมบนสวรรค์ แต่ฝากเด็กรับใช้ 2 คน คือ เซ่งฮอง (ลมบริสุทธิ์ (清風)) และ เม้งง้วย (แสงจันทร์ (明月) ว่า ถ้าพระถังมา ให้ถวายผลแก่พระถัง 2 ผล แต่พระถังอิดออดไม่กิน เพราะรูปร่างเหมือนเด็กทารก เด็กรับใช้จึงกินเข้าไปเอง ต่อมา โป๊ยก่ายหิว จึงได้บอกกับ เห้งเจีย ให้ไปขโมยผลไม้มา 3 ผล เผื่อแผ่ให้พี่น้อง คนละใบ เด็กรับใช้ 2 คนก็กล่าวหา เห้งเจีย ว่า เห้งเจีย เป็นขโมย
เห้งเจียโกรธอย่างมาก ได้ถอนต้นไม้ทิ้ง ก่อนที่จะหลบหนีออกมา เมื่อท่านเซียนกลับมาก็จับตัวทั้งหมดไว้ เห้งเจียเลยต้องหลบหนีไปขอความช่วยเหลือ พระกวนอิม ท่านกลับมาช่วยปลูกต้นไม้สำเร็จ ทำให้เซียนใจเย็นลงและเป็นพี่น้องร่วมสาบานกับเห้งเจีย และให้ผลไม้แก่คณะทุกคนก่อนที่จะออกเดินทางต่อไป
คณะเดินทางมาถึงเขาสูงเทียมฟ้า ก็เห็นอารามที่ยอดสูง และมีต้นไม้งาม พระถังก็พูดขึ้นว่า เดินทางมายาวนาน นี่น่าจะถึงเขตวัดลุ่ยอิมยี่แล้วนะ (ที่อยู่ของพระยูไล) เห้งเจียตอบกลับว่า ยังอยู่อีกไกลครับ ถ้าน้องสองคนก็ใช้เวลาเดินทางประมาณ 10 วันก็ถึง ส่วนข้าวันหนึ่งเดินทางไปกลับได้ 10 รอบ แต่ถ้าเป็นพระอาจารย์ก็อย่าเพิ่งคิดเลย พระอาจารย์จึงถามว่า แล้วเมื่อไหร่จะถึงกันเล่า เห้งเจียตอบกลับว่า หากสันดานจิตไม่ผ่องใส เกิดจนตาย 1000 รอบก็ไปไม่ถึง แต่หากจิตผ่องใส ชั่วหายใจก็ถึงแล้ว
เมื่อเดินทางมาถึงอาราม ก็พบป้ายบอกว่า ภูเขานี้ชื่อ บ้วนซิ่วซัว เป็นที่อยู่ของเซียนลัทธิเต๋า ชื่อ ติ้นหวนจื้อ โดยมีต้นไม้วิเศษอยู่ต้นหนึ่งที่เกิดมาพร้อมกับโลกที่ยังไม่แบ่งฟ้าดิน ชื่อ ยิ่มเซียมก๊วย ที่ออกผลไม้รูปเด็กครั้งละ 30 ผล 3000 ปีจึงจะออกดอก 3000 ปีจึงจะออกผล และอีก 3000 ปีผลไม้ถึงจะสุก หากใครได้ดมกลิ่นจะมีอายุยืนขึ้น360 ปี และหากใครได้กินจะมีอายุยืน 47000 ปี แต่เนื่องจาก ท่านเซียนได้พาลูกศิษย์ 48 คนออกไปฟังเทศน์ บนสวรรค์ แต่ก่อนไปได้สั่งให้ลูกศิษย์ 2 คน คือ เซงฮอง (อายุ 1320 ปี) และเม้งง้วย (อายุ 1200ปี) ว่า วันพรุ่งนี้จะมีพระถังและคณะจะเดินทางมาถึง ให้เชิญคณะเข้ามาพัก และต้อนรับ รวมถึงสั่งให้ไปเก็บผล ยิ่นเซียม บนต้นมา 2 ผลเพื่อนำมาถวายแด่พระถัง
เมื่อคณะเดินทางมาถึง ลูกศิษย์ทั้ง 2 ก็ออกมาต้อนรับ โดยเชิญมานั่งกินน้ำชา ได้เล่าที่มาของอารามแห่งนี้ว่า บูชาเพียงฟ้าดิน พรหมและเทวดา รวมถึงดวงดาว อาจารย์ข้าไม่ขอบูชาเพราะเป็นเพื่อนกันหมด และได้ขอตัวไปเก็บผลไม้วิเศษ มามอบให้แก่พระถัง แล้วพูดว่า วัดนี้ไม่มีอะไรจะถวายท่าน อาจารย์ข้าจึงให้นำผลไม้มาถวายแด่ท่าน นิมนต์ท่านฉันเพื่อให้อายุยืนยาว แต่พระถังนั้นไม่กล้ากินเพราะรูปร่างเหมือนเด็กทารก และปฎิเสธไป ทำให้ศิษย์ทั้ง 2 คนเห็นว่า ปล่อยไว้ผลไม้จะเสียเพราะผลไม้นี้มีอายุน้อยมาก จึงมาแบ่งกันกินเอง
โป๊ยก่ายนั้นเห็นผลไม้ก็เกิดอยากกินเพราะหิว จึงชักชวน เห้งเจีย ให้ไปเด็ดผลไม้กินกัน เด็ดมา 4 ผล ผลหนึ่งตกลงพื้นหายไป อีก 3 ผลนำมาแบ่งกินกันคนละผล ลูกศิษย์ทั้ง 2 คนของเซียน เห็นว่า ผลไม้หาย จึงได้เข้าไปหาพระถัง และ ด่าหยาบคายใส่พระถัง พระถังสงสัยว่า ท่านทั้งสองร้อนใจอะไร เมื่อทั้งสองบอกว่า ท่านไม่ทานผลไม้ แต่ลูกศิษย์ของท่านขโมยกินผลไม้ ช่างทำตัวน่าเกลียด
พระถังจึงเรียกลูกศิษย์ทั้งหมดมาไต่ถาม แต่ทั้งหมดปฎิเสธ พระถังจึงบอกว่า เราเป็นคนถือศีล อย่าพูดโป้ปด อย่ากินของคนอื่น แม้หากกินแล้วก็ขอขมาลาโทษเพื่อให้พ้นผิด เห้งเจีย จึงได้ยอมรับว่า ขโมยมา 3 ผล ลูกศิษย์ของเซียนก็แย้งทันทีว่า ท่านทุศีลได้อย่างไร ผลไม้หายไป 4 ผล แต่ท่านมาบอกว่า กินไปเพียง 3 ผล แล้วก็ด่าทอหยาบคาย เห้งเจียได้ยินก็โมโหมาก ตะโกนกลับไปว่า งั้นข้าจะโค่นต้นไม้เสียให้สิ้น จะได้ไม่มีใครได้กินมันอีก จึงได้แปลงกายออกไปใช้ไม้พลองฟาดเข้าที่ต้นไม้แล้วถอนต้นไม้ทิ้งเสีย
เมื่อลูกศิษย์ทั้ง 2 ออกมาเห็นต้นไม้ก็ตกใจ และวางแผนขังคณะทั้งหมดไว้ในห้อง รออาจารย์กลับมา พระถังนั้น เรียก เห้งเจีย มาต่อว่า เห้งเจีย เจ้าไปไหนมีแต่เรื่อง วันนี้ลักผลไม้มากิน แถมยังโค่นต้นไม้เขาอีก เจ้าจะทำตัวแย่ไปถึงไหน แต่ตกดึก เห้งเจีย ก็สะเดาะกุญแจหนีออกมาทั้งหมด
เมื่อท่านเซียนกลับมาก็ถามไถ่ลูกศิษย์ก็ได้ความ เซียนจึงรีบเหาะไปตามพระถังกับคณะ เมื่อพบเจอก็แปลงกายเป็นคนแก่ถือศีลเข้าไปถามไถ่ว่า ท่านเดินผ่านมาทางนี้ได้แวะพักที่ภูเขาหรือไม่ เห้งเจียรีบตอบทันที ข้าเดินมาตามทางใหญ่มิได้แวะพักที่ใดเลย ท่านเซียนได้ยินดังนั้น ก็ตวาดไปทันที หากพวกเจ้าไม่ได้แวะ แล้วลิงตัวไหนมันแวะไปลักผลไม้และยังโค่นต้นไม้ของข้า ยังมีหน้ามาโกหกข้าอีก เห้งเจีย ได้ยินก็ชักกระบองขึ้นมาหมายจะฟาดท่านเซียน แต่ท่านเซียนหลบ แล้วหยิบถุงวิเศษรวบเอาทั้งคณะเข้าไปในถุง โดยเมื่อเซียนจับคณะกลับมาที่อารามก็วางแผนลงโทษโดยเฉพาะพระถัง ฐานที่เป็นอาจารย์ไม่ดูแลศิษย์ให้ดี ทำให้เห้งเจีย เจรจาขออาสาไปหาของวิเศษมาฟื้นคืนต้นไม้วิเศษ แทน
ครั้งแรกพบซัมแซทั้ง 3 แม้จะรู้จักกับท่านเซียน แต่ก็ช่วยอะไรไม่ได้ แต่อาสาจะไปช่วยพูดให้ ต่อมาเห้งเจียไปพบกับตังอวยตี้กุน และยังได้พบกับ เทวดาชื่อ ตังฮอวงเซาะ ก็ไม่สามารถช่วยได้ เหาะไปเจอเทวดาชื่อ กิ้วเล้า ก็ไม่สามารถช่วยได้
จนต้องไปหาพระกวนอิมอีกครั้ง พระกวนอิมจึงเสด็จมาที่ต้นไม้แล้วพรมน้ำมนต์ที่มือของเห้งเจีย แล้วให้เห้งเจียค่อยๆประคองต้นไม้ขึ้นมา ต่อมาต้นไม้ก็กลับฟื้นคืน จนท่านเซียนดีใจ และผูกมิตรกับพระถังและลูกศิษย์ รวมถึงยังได้สาบานเป็นพี่น้องกับเห้งเจียอีกด้วย รุ่งเช้าคณะก็ออกเดินทางต่อ
ปริศนาธรรม
ตอนนี้จะมี 2 ประเด็นสำคัญ ดังนี้
1. ผู้เขียนจงใจเปรียบเทียบลัทธิเต๋า ที่มีเป้าหมายคือ การมีอายุยืน (ไม่อยากตาย) การเป็นเซียน รวมถึง การล้อเลียนเรื่อง ยาอายุวัฒนะ (ในอดีตมีการเล่นแร่แปรธาตุด้วยการใส่ทอง ปรอท ตะกั่วลงไปด้วย) และ การบูชาดวงดาว รวมถึงการนับถือฟ้าดิน อีกด้วย ขณะที่ศาสนาพุทธจะเน้นไปที่การนิพพาน (ความตาย) เป็นหลัก โดยศิษย์รับใช้ 2 ได้กล่าวเรื่องนี้ว่า วัตถุประสงค์คนละอย่างนำมาเปรียบเทียบกันไม่ได้ รวมถึง ได้นำผลมาให้พระถังแต่พระถังปฎิเสธ นั่นคือ ศาสนาพุทธนั้นมองเรื่องอายุยืนไม่ใช่สาระสำคัญ
2. ผลไม้ที่ออกผล ครั้งละ 30 ลูก และ นานถึง 9000 ปี จึงจะออกผลครั้งหนึ่ง เปรียบเสมือน พระบารมีธรรม 30 ทัศ (ธรรมที่นำไปให้ถึงฝั่งพระนิพพาน) ที่พระโพธิสัตว์ผู้ปรารถนาเป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจักต้องบำเพ็ญให้ครบบริบูรณ์ 30 อย่าง พระบารมีธรรมนั้นมิใช่จะบำเพ็ญเพียง 20-30 ชาติเท่านั้น แต่ต้องบำเพ็ญเป็นเวลายาวนานหลายอสงไขย ต้องบำเพ็ญบารมีนับชาติไม่ได้
นอกจากนี้ หากต้องการปลูกต้นไม้นี้ เทวดา หรือใครก็ไม่สามารถช่วยได้ ต้องทำด้วยตัวเองเท่านั้น เปรียบเสมือนเห้งเจีย ที่ไปหาเทวดาคนไหนก็ช่วยไม่ได้ และ พระกวนอิม ได้พรมน้ำมนต์ที่มือของเห้งเจีย แต่เห้งเจียต้องประคองต้นไม้ขึ้นมาเอง
พระบารมีธรรม 30 ทัศ มีรายละเอียด ดังนี้
บารมี 1-10 จัดเป็น บารมีระดับธรรมดา
1. ทานบารมี 2. ศีลบารมี 3. เนกขัมมบารมี (การละทางกาม เช่นการออกบวช) 4.ปัญญาบารมี 5. วิริยบารมี 6.ขันติบารมี 7.สัจบารมี (รักษาวาจา) 8.อธิษฐานบารมี (การตั้งจิต) 9.เมตตาบารมี 10.อุเบกขาบารมี (การวางเฉย)
บารมี 11-20 จัดเป็นบารมีระดับปานกลาง
11. ทานอุปบารมี 12. ศีลอุปบารมี 13.เนกขัมมอุปบารมี 14.ปัญญาอุปบารมี 15. วิริยอุปบารมี 16.ขันติอุปบารมี 17.สัจอุปบารมี 18.อธิษฐานอุปบารมี 19.เมตตาอุปบารมี 20.อุเบกขาอุปบารมี
บารมี 21-30 จัดเป็นบารมีระดับอุกฤษ์สูงสุด
21.ทานปรมัตถบารมี 22. ศีลมัตถบารมี 23. เนกขัมมปรมัตถบารมี 24. ปัญญาปรมัตถบารมี 25.วิริยปรมัตถบารมี 26.ขันติปรมัตถบารมี 27.สัจปรมัตถบารมี 28.อธิษฐานปรมัตถบารมี 29.เมตตาปรมัตถบารมี 30.อุเบกขาปรมัตถบารมี
ยกตัวอย่าง การให้ทาน ระดับธรรมดา คือการให้ทรัพย์สมบัติ ระดับที่ 2 คือการบริจาคอวัยวะ และระดับอุกฤษ์ คือ การบริจาคร่างกาย
นอกจากนี้ ผู้แต่งเรื่อง ได้ให้ เห้งเจีย(ปัญญา) โป๊ยก่าย (ศีล) และซัวเจ๋ง(สมาธิ) ได้กินคนละผล ก็เนื่องจาก ทั้ง 3 มีอยู่ในพระธรรมบารมีแล้ว เปรียบเสมือนได้ บำเพ็ญบารมีจนได้มาแล้ว 3 ผลนั่นเอง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น