วันเสาร์ที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2563

จีน(1750) ตำนาน ปึงซีเง็ก วีรบุรุษกังฟู มีตัวตนจริงหรือไม่

ปึงซี่เง็ก (แต้จิ๋ว) หรือ ฟ่งไสหยก  หรือ ฟางซื่ออี้ (จีนกลาง) (方世玉)รบุรุษกังฟู ทุกันนี้ หลายคนยังสงสัย่า เขามีตัตนจริงหรือไม่ ในคลิปนี้ จะขอเรียกเป็น แต้จิ๋ง คือ ปึงี่เง็กแทนนะครับ เนื่องจากคนไทยคงคุ้นหูกันมากก่า

ปึงซี่เง็กนั้นมีรายชื่ออยู่ใน 3 พยัคฆ์เส้าหลิน ประกอบได้ด้วย 
อั้งฮีกัว(หงซีกวน กลาง)  ปึงซีเง็ก โอวฮุยเคี้ยง (หูฮุ่ยเฉียง)

ในภาพยนตร์กำลังภายในส่วนใหญ่นั้น มักจะเล่าว่า ปึงซีเง็ก เป็นศิษย์เส้าหลินร่มรุ่นกับ  หงซีกวน  ซึ่งเป็นศิษย์พี่ใหญ่ของรุ่น (บางเวอร์ชั่นจะ ให้หงซีกวนเป็นศิษย์พี่ของแม่ ปึงีเง็ก ) โดยมี โอวฮุ่ยเคียง เป็นศิษย์ร่วมสำนัก ทั้งสามมีอาจารย์ชื่อ หลวงจีนจี้ส่าน

ตำนานปึงีเง็ก 
ตำนานเล่าว่า ปึงซี่เง็ก มี แม่เป็น อดีตศิษย์ วัด เส้าหลิน ชื่อ เมี่ยวชุ่ยฮัว ซึ่งเป็นลูกสาวของ เมี่ยวซื่ออัน (Miao Xian) หนึ่งในยอดยุทธแห่งสำนักเส้าหลินด้ย โดยเป็นศิษย์เส้าหลิน ที่หลบหนีจากการเผาัดเส้าหลินในครั้งหย่งเจิ้ง ฮอ่งเต้ ส่วนบิดาของปึงีเง็ก เป็นเพียงพ่อค้าธรรมดาชื่อ ปึงเต๊ก (ฟางตั๊ก 方德 )

เนื่องจากมีแม่เป็นจอมยุทธ์ ปึงซี่เง็กจึงได้อาบน้ำว่าน เพื่อให้กระดูกเหนียวตั้งแต่อายุเพียง  1 ขวบ เรื่องอาบน้ำ่านนี้ คนไทยก็มีแต่เป็นเรื่องไสยศาสตร์ทีทำให้หนังเหนีย กระดูกเหนีย

ต่อมา อายุ 3 ขวบเขาก็เริ่มฝึกวิชาหัวเหล็ก กับหมัดเหล็ก เริ่มต้นจากการฝึก ด้ยการชก ก้อนกระดาษ พอ 6 ขวบก็ฝึกท่าม้านั่ง ต่อมาถึงได้ฝึกรำมวยของัด เส้นหลิน

อายุเพียง 14 ปี ได้ขึ้นประลองฝีมือชนะศิษย์อันธพาลของสำนักบู๊ตึง โดยทัาประลองกับ เหลยเหลาหู่ ระหว่างที่เขาเดินทางค้าขายกับพ่อ เพราะ เหลยหลาหู่ ประกาศว่า  เขาจะยึดกวางตง ด้วยกำปั้น และรวมหางโจว และซูโจวด้วยเท้า ตามประวัติของ เหลยหลาหู่ เขาไม่เคยแพ้ใครเช่นกัน และยังเป็นลูกเขยของ หลี่ป้าชาน แห่งสำนักบู๊ตึ๋ง อีกด้วย  โดยหลี่ป้าชานนั้น เป็นองครักษ์ของผู้ว่าเขต ปูเตียน ข้าราชาการชั้นผู้ใหญ่ของราชวงศ์ชิง และเป็นคนวางแผนเผาเส้าหลินเมื่อครั้ง หย่งเจิ้งฮ๋องเต้ ซึ่งเป็นพ่อของเฉียนหลงฮ่องเต้ อีกด้วย

แต่เหลยเหล่าหู่ กลับโดน ปึงซี่เง็ก อัดจนช้ำใน เสียชีวิตในเวลาต่อมา

ถัดมาไม่นาน  โอวฮุ้ยเคียง ศิษย์สำนักเส้าหลิน กลับบุกไปถล่มโรงงานทอผ้าไหม ของราชวงศ์แมนจู ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนของบู๊ตึ๋ง เพื่อล้างแค้นให้พ่อ โดยเฉพาะมีศิษย์สำนักบู๊ตึ๊ง ชื่อ จางจิ้นหง ศิษย์เอกของ นักพรต ฟงเต้าเต๋อ ทำให้ศิษย์สำนักบู๊ตึ๋ง กับ สำนักเส้าหลิน มองหน้ากันไม่ติดและหาเรื่องกันมาตลอด

เฉียนหลงประพาสกังหนำ
ปึงเี่เง็กนั้น มีชื่อโผล่มาใน หนังสือรชื่อ เรื่อง "เฉียนหลงประพาสกังหนำ" ซึ่งเป็นนิยายกำลังภายในที่เล่าถึง เฉียนหลงฮ่องเต้ ได้ใช้วิธี จีนปราบจีน มังกรปราบมังกร เชื่อกันว่า นิยายเรื่องนี้ ถูกแต่งขึ้นไม่นานหลังเหตุการณ์ เฉียนหลงฮ่องเต้ประพาสกังหนำจริง จึงเชื่อว่า หนังสือน่าจะมีข้อเท็จจริงอยู่มาก หนึ่งในนั้น คือ การกำจัดวัดเส้าหลิน โดยเอาสำนักบู๊ตึงและง้อไบ๊ มาร่วมต่อสู้กับ วัดเส้าหลิน

เหตุการณ์เผาสำนักัดเส้าหลิน ต้องย้อนกลับไปช่ง หลังการล่มสลายของราชวงศ์หมิงนั้น วัดเส้าหลินใต้ นั้น ถือเป็นแหล่งกบดานของเหล่ากบฎราชวงศ์หมิงที่มีต่อต้านราชวงศ์ชิง หรือแมนจู ึ่งถือเป็นคนต่างชาติ ดังนั้น ชาวฮั่นต้องการขับไล่แมนจูให้ออกไปจากแผ่นดินจีน 

ขณะที่ ในยุคคังี ที่เป็นปู่นั้น ได้สั่งปลดอาุธของัดเส้าหลินเด็ดขาด แต่คนในัดยังฝึกิชามยด้ยมือเปล่า และพลองเท่านั้น ต่อมาหย่งเจิ่งฮ่องเต้ นั้นได้สั่งเผาวัดเส้าหลิน ไปรอบหนึ่งแล้ว  และครั้งนี้ เฉียนหลงฮ่องเต้นั้นได้สงสัย วัดเส้าหลิน จึงได้ส่งสายลับมาปลอมตัว มาขอบวชที่วัดเส้นหลิน  ทำให้รู้ว่า ที่นี่ยังคงเป็นแหล่งกบดานของเหล่ากบฎต่อต้านราชงศ์ชิง

และในปี 1750 นี้เองที่ เฉียนหลงฮ่องเต้ ได้เสด็จมาเยี่ยมชมวัดเส้าหลินด้วยตัวเอง เพื่อดูกับตา่า ัดเส้าหลิน ยังเป็นที่กบดานของเหล่ากบฎ พร้อมกับ รับทราบข่าจากสายลับที่ปลอมต้ัเป็น ศิษย์ัดเส้าหลินอีกด้ย

นิยายนั้นแต่งให้ บู๊ตึ๋ง และง่อไบ๊ มาถล่ม ัดเส้าหลินแทน

แม่ชีโหงวบ๊วย(อู่เหมย)จากง๊อไบ๊ ประกบ ปึงซีเง็ก ตามประวัตินั้น แม่ชีอู่เหม่ยนั้น เป็นอดีตศิษย์วัดเส้าหลิน และเป็นอาจารย์ของแม่ปึงซีเง็กด้วย แต่ได้หลบหนีออกจากเส้าหลินไป เมื่อตอนเส้าหลินถูกเผาในครั้ง หย่งเจิ้งฮ่องเต้ โดยหลบไปอยู่ภ้ำกระเรียนขา ปลีิเก นั่นหมายคาม่า แม่ชีอู่เหมย นั้น ต้องเป็นศิษย์รุ่มรุ่นกับ ตาของปึงึ่เง็กอีกด้ย

ได้ต่อสู้กับปึงซี่เง็ก โดยในนิยายได้อธิบาย่า  แม่ชีอู่เหม่ยน้น เชี่ยชาญการต่อสู้ระยะประชิด เมื่อได้ที ก็โจมตีเข้าที่ก้นกบ ึ่งเป็นจุดตาย ทำให้ปึงซี่เง็กตายทันที

นักพรตคิ้วขาว ไป่เม่ย จากง้อไบ๊ ประกบ หลวงจีนจี๊เสียง ไปเม่ย นั้น อดีตก็เป็นศิษย์วัดเส้าหลิน แต่เกิดความขัดแย้งจึงลาสึกออกมาเป็นฆราวาส แต่ไป่เม่ย ยังคงฝึกิชา อยู่ และมีลูกศิษย์ 2 คน ในนิยายนั้นให้ แมนจูจับศิษย์เป็นตัประกัน ประกอบกับคามแค้นเมื่อครั้งเป็นศิษย์ัดเส้าหลิน ทำให้ไป่เม่ย ต้องการลงมือกัจัดสำนักัดเส้าหลิน

ส่นหลงจีน จี้เสียง นั้น สำเร็จิชา ศรีษะอรหันต์  คู่นี้ หนังสือระบุว่า ศรีษะของหลวงจีนจี๊เสียงนั้นมีพลังกระแทก 800 ชั่ง แต่หน้าท้องของ นักพรตคิ้วขาวนั้นมีพลังกระท้อนได้ถึง 1000 ชั่ง เมื่อต่อสู้ถึงจุดชี้เป็นชี้ตาย หลวงจีนจี๊เสียง ได้เอาศีรษะกระแทกที่ท้องน้อยของนักพรตคิ้วขาว ทำให้โดนสะท้อนพลังกลับมา ทำให้ศรีษะแตกตาย แต่บางตำรา่า เมื่อหลงจีนจี้เสียง ใช้ศรีษะอรหัตต์ กลับเป็นท่าชกแบบยกมือ็ายขาขึ้นโจมตี แต่กลับโดนหมัดกงเล็บพยัคฆ์ ตะปปที่คอแทนทำให้เสียชีิตทันที

ปั้งเต้าเต็กแห่งบู๊ตึง ประกบ อั้งอีกัว(หงซีกวน) หงีกน นั้น เดิมเป็นเพียงพ่อค้าใบชา แต่เขาเข้าร่มกับ พรรคดอกไม้แดง เพื่อต่อต้านราชงศ์ชิง โดยนักประัติศาสตร์บางคนนั้น เห็นว่าน่าจะเป็นเรื่องแต่งขึ้น เพื่อยกย่อง หง ซิ่วฉวน (洪秀全) ผู้นำกบฏไท่ผิง มากกว่า

ส่วน ปั่งเต้าเต็ก นั้นเป็นอดีตศิษย์ัดเส้าหลินเช่นกัน เขาสนิทสนมคุ้นเคย กับ ไป่เม่ย ตั้งแต่เป็นอดีตศิษย์ัดเส้าหลิน เมื่อได้รับการร้องขอ จึงได้เดินทางมาด้ย  แม้เขาจะชนะหงีกน แต่หงีกนนั้นรอดมาได้  แต่โอ้วฮุ่ยเคี้ยง นั้นบงตำร่า โดนปั้งเต้าเต็ก เล่นงาน บางตำรา่า โดนอู่เหม่ย เล่นงาน

ในที่สุดศิษย์เส้าหลินใต้เสียท่า สำนักเส้าหลินใต้ถูกเผาทำลาย ทำให้ศิษย์เส้าหลินต่างกระเ้นกระสาย  หลบหนีไป โดย หลวงจีนจี้เสียง พร้อม ศิษย์ฆราวาสที่นำโดย หงซีกวน ก็ไปปฏิบัติการต่อต้านแมนจูต่อไป โดยปลอมตัวเป็นคณะงิ้วไปอยู่ในเรือแดง หงซวน

โดยมีหลักฐษนยืนยันเพียง  หวงฉีอิง และหวงเฟยหง ที่มีตัวตนอยู่จริง และได้รับการถ่ายทอดวิชามวยตระกุลหง นี้มา เป็นการตอกย้ำว่า หงซีกวน น่าจะมีชีวิตอยู่จริง

ขณะที่ ประวัติมวยหย่งชุน กล่าวว่า มวยหย่งชุนถูกคิดค้นขึ้นโดย แม่ชีอู่เหมย ซึ่งเป็นศิษย์คนโตของัดเส้าหลิน  เมื่อครั้งที่วัดเส้าหลินใต้ถูกเผานยุคหย่งเจิ้ง ฮ่องเต้  5 พยัคฆ์เส้าหลินยุคนั้น ได้แก่ แม่ชีอู่เหมย หลวงจีนจี้ส่าน แป๊ะเหมย ฟางโตตั๊ก และะแม่ชีเมียวหิ่น ฝ่าวงล้อมทหารแมนจู หนีออกมาพร้อมศิษย์ฆราวาสกลุ่มหนึ่ง หนึ่งในนั้นคือ หงซีกวน

แม่ชีอู่เหมย หนีไปอยู่ที่วัดกระเรียนขาว บนขาวไท่ซาน แถบมณฑลเสฉวน ซึ่งที่นั่นเองเป็นที่กำเนิดมวยชนิดใหม่ ที่ภายหลังถูกเรียกว่า มวยหย่งชุน ตามชื่อของ ยิ่มหย่งชุน ศิษย์ที่ได้รับการถ่ายทอดมวยชุดนั้นจากแม่ชีอู่เหมย

แม่ชีเมียวหิ่น ที่เป็นแม่ของ เมี่ยวชุ่ยฮัว ซึ่งเป็นแม่ของปึงซีเง็กอีกที ได้หลบไปอยู่กับชาวเมี่ยวและเย้า บริเวณพรมแดนระหว่างมลฑลเสฉวนและยูนนาน

นอกจากนี้ ในข้อมูลจาก ประวัติมวยหย่งชุน มีหลายส่วนที่พ้องกับประวัติมวยสกุลหง โดยประัติมยสกุลหงจะกล่าวถึง หลวงจีนจี้ส่านแห่งเส้าหลินใต้ ได้รับ หงซีกวน พ่อค้าใบชา เป็นศิษย์และถ่ายทอดมวยเส้าหลินใต้ให้

เมื่อเส้าหลินใต้ถูกแมนจูทำลาย หลวงจีนจี้ส่าน หงซีกวนและศิษย์อื่นๆ ก็ปลอมตัวเป็นคณะงิ้วไปอยู่ในเรือแดง ต่อมาหงซีกวนได้ไปเปิดสำนักมวย อยู่ที่เมืองฟา เรียกมวยที่เขาสอนว่า มวยสกุลหง

ข้อมูลส่วนใหญ่ที่พบจากประวัติของมวยต่างๆ พบชื่อบุคคลรอบตัว ปึงซีเง็ก หลายคนด้วยกัน เช่น หลวงจีนจี้ส่าน หงซีกวน ลู่อาไฉ เมี่ยวชุ่ยฮัว ซึ่งบุคคลเหล่านี้น่าจะมีตัวตนจริง โดยเฉพาะ ลู่อาไฉ มีหลักฐานยืนยันว่าเป็นบุคคลที่มีตัวตนจริงๆ เนื่องจาก ลู่ อาไฉ ศิษย์ัดเส้าหลินที่หนีจากเหตุการณ์เผาัดเส้าหลิน ที่ได้ถ่ายทอดมวยสกุลหง ไปยังศิษย์รุ่นต่อๆ ไป และหนึ่งในผู้สืบทอดที่มีชื่อเสียงก็คือ หวงเฟยหง นั่นเอง

ประวัติ มวยสุนัข
ประัติ ของมวยสุนัข  ที่ถูกคิดค้นโดยแม่ชีอู่เหมย ผู้คิดค้นวิชาหย่งชุน ระบุ่า  ปึงซีเง็กก็ได้รับการถ่ายทอดมวยชุดนี้มาแล้วนำมาผสมกับ Huaquan(มวยชนิดหนึ่งทางแถบชานตุง) เมื่อวัดเส้าหลินถูกเผา ปึงซีเง็กก็หลบหนีออกมาได้ และไปอาศัยอยู่ที่หมู่บ้านหย่งชุน ใกล้กับฟุโจว และสอนมวยอยู่ที่วัดย้ายนั้น

ข้อมูลดังกล่าวพ้องกับประวัติของ ฟางฉีเหนียง แห่งหมู่บ้านหย่งชุน โดย ฟางฉีเหนียง อ้างว่า เธอคือเป็นบุตรสาวคนที่ 7 ของ ปึงซีเง็ก

บทสรุป ของนักประวัติศาสตร์ คือ เหตุการณ์เผาเส้าหลินนั้นเกิดขึ้นจริงแน่นอน  แต่เหล่าบรรดาลูกศิษย์และอดีตลูกศิษย์ัดเส้าหลิน เมื่อทราบข่า ทหารแมนจูจะเผาัดเส้าหลิน  น่าจะเข้ามาช่วยกันดับไฟแล้วเสียชีวิตมากกว่า  เพราะหากเฉียนหลงต้องการฆ่าศิษย์วัดเส้าหลินจริง ก็สามารถยกทัพไปบุกถล่มัดเส้าหลินได้อยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องพึ่งสำนักิชาอื่นใด

ขณะที่ หงซีกวน นั้นน่าจะมีชีวิตอยู่จริง เพราะเป็นผู้คิดค้น เพลงมวยตระกูลหง และ นักพรตคิ้วขาวไป่เม่ยก็มีตัวตนจริง เพราะปัจจุบัน ก็ยังมีคนใช้วิชาของนักพรตคิ้วขาวอยู่ รวมไปถึง แม่ชีอู่เหมย ที่สู้กับปึงซี่เง็ก ก็มีตัวตนจริง เพราะเป็นคิดค้นวิชา หย่งชุน

ส่นใครจะคิด่า ปึ.ีเง็ก มีจริง หรือไม่ ก็คงต้องแล้แต่ เพราะหลักฐานต่างๆ คาด่า ถูกทำลายไปหมดสิ้นแล้

เอาละครับ ใครชอบใจคลิปนี้ ก็กดไลท์ กด แชร์ กดัก Subscribe ให้ด้ยนะครับ

1 ความคิดเห็น: