กบฎนักมวยอี้เหอถวน - การลุกฮือของเหล่าจอมยุทธ์
ปูพื้น
1834-1843 สงครามฝิ่นครั้งที่ 1
อังกฤษ พยายามนำฝิ่นเข้ามาขายในจีน แต่จีนไม่ยอมทำลายฝิ่นทิ้ง เกิดสงครามฝิ่นครั้งที่ 1 จีนพ่ายแพ้ต้องลงนามสัญญานานกิง เปิดเมืองท่า 5 แห่ง และเช่าเกาะฮ่องกง ต่อมา ฝรั่งเศสและอเมริกาก็เอาบ้าง
1850-1864 กบฎชาวนา ไทผิงเทียนกั๋ว นำโดย หงซิ่วเฉวียน (洪秀全) นับถือคริสต์ พวกเขาไม่พอใจที่จีนโดนค่าปฎิกรรมสงคราม และต้องมาขึ้นภาษีกับประชาชน ดังนั้น ประชาชนต้องการการเปลี่ยนแปลง กบฎสามารถยึดภาคใต้ของจีนได้ แต่ความอ่อนแอของตนเองทำให้พ่ายแพ้ และราชวงศ์ชิงต้องไปขอร้องอังกฤษให้มาปราบกบฎ สงครามกลางเมืองครั้งนั้น คาดว่ามีคนจีนตายถึง 20-70 ล้านคน
1856-1860 สงครามฝิ่นครั้งที่ 2
จีนไปยึดเรือแอโร่ ที่มีคนจีนเป็นเจ้าของแต่จดทะเบียนเป็นเรืออังกฤษ อังกฤษขอคืน แต่จีนปฎิเสธ
แถมนักบวชชาวคริสต์ถูกฆ่าตาย จึงบุกเผาพระราชวังฤดูร้อน 2 หลัง คือ ชิงอี และหยวนหมิงหยวน ช่วงวันที่ 18-19 ตุลาคม 1860 จีนยอมจำนนด้วยเกรงว่า ต่างชาติจะบุกยึดพระราชวังต้องห้ามที่ปักกิ่ง โดยลงนาม สนธิสัญญาปักกิ่ง ยุติการสู้รบกับอังกฤษวันที่ 24 ตุลาคม 1860
1894 สงครามซิโนญี่ปุ่นครั้งที่ 1
ญี่ปุ่นเข้าแทรกแซงเกาหลี โดยลัมล้างรัฐบาลนิยมจีน เอารัฐบาลนิยมญี่ปุ่นขึ้นแทน โดยเฉพาะการลอบสังหารพระราชินีเมียงซองของเกาหลี โดยเรือรบจีนและญี่ปุ่นก็ปะทะกัน แต่จีนพ่ายแพ้ ครั้งนั้นถือว่า จีนตกต่ำอย่างมากเพราะเดิมญี่ปุ่นเป็นลุกไล่ของจีนมาโดยตลอด นอกจากนี้ยังต้องเซ็นสัญญาชิโมโนเซกิ และต้องจา่ยค่าปฎิกรรมสงครามให้ญี่ปุ่น200 ล้านตำลึง
1895 ปฎิรูป 100 วัน
ฮ่องเต้กวางสู ต้องการปรับปรุงประเทศโดยริเริ่มการปฎิรูป 100 วัน แต่พระนางซูสีไทเฮา ที่มีลักษณะ หัวอนุรักษ์นิยม ไม่เห็นด้วยจึงจับฮ่องเต้ กวางสู ขังไว้ ความขัดแย้งต่างๆ เริ่มครุกกรุ่น จึงเกิด กบฎจอมยุทธ์
1834-1843 สงครามฝิ่นครั้งที่ 1
อังกฤษ พยายามนำฝิ่นเข้ามาขายในจีน แต่จีนไม่ยอมทำลายฝิ่นทิ้ง เกิดสงครามฝิ่นครั้งที่ 1 จีนพ่ายแพ้ต้องลงนามสัญญานานกิง เปิดเมืองท่า 5 แห่ง และเช่าเกาะฮ่องกง ต่อมา ฝรั่งเศสและอเมริกาก็เอาบ้าง
1850-1864 กบฎชาวนา ไทผิงเทียนกั๋ว นำโดย หงซิ่วเฉวียน (洪秀全) นับถือคริสต์ พวกเขาไม่พอใจที่จีนโดนค่าปฎิกรรมสงคราม และต้องมาขึ้นภาษีกับประชาชน ดังนั้น ประชาชนต้องการการเปลี่ยนแปลง กบฎสามารถยึดภาคใต้ของจีนได้ แต่ความอ่อนแอของตนเองทำให้พ่ายแพ้ และราชวงศ์ชิงต้องไปขอร้องอังกฤษให้มาปราบกบฎ สงครามกลางเมืองครั้งนั้น คาดว่ามีคนจีนตายถึง 20-70 ล้านคน
1856-1860 สงครามฝิ่นครั้งที่ 2
จีนไปยึดเรือแอโร่ ที่มีคนจีนเป็นเจ้าของแต่จดทะเบียนเป็นเรืออังกฤษ อังกฤษขอคืน แต่จีนปฎิเสธ
แถมนักบวชชาวคริสต์ถูกฆ่าตาย จึงบุกเผาพระราชวังฤดูร้อน 2 หลัง คือ ชิงอี และหยวนหมิงหยวน ช่วงวันที่ 18-19 ตุลาคม 1860 จีนยอมจำนนด้วยเกรงว่า ต่างชาติจะบุกยึดพระราชวังต้องห้ามที่ปักกิ่ง โดยลงนาม สนธิสัญญาปักกิ่ง ยุติการสู้รบกับอังกฤษวันที่ 24 ตุลาคม 1860
1894 สงครามซิโนญี่ปุ่นครั้งที่ 1
ญี่ปุ่นเข้าแทรกแซงเกาหลี โดยลัมล้างรัฐบาลนิยมจีน เอารัฐบาลนิยมญี่ปุ่นขึ้นแทน โดยเฉพาะการลอบสังหารพระราชินีเมียงซองของเกาหลี โดยเรือรบจีนและญี่ปุ่นก็ปะทะกัน แต่จีนพ่ายแพ้ ครั้งนั้นถือว่า จีนตกต่ำอย่างมากเพราะเดิมญี่ปุ่นเป็นลุกไล่ของจีนมาโดยตลอด นอกจากนี้ยังต้องเซ็นสัญญาชิโมโนเซกิ และต้องจา่ยค่าปฎิกรรมสงครามให้ญี่ปุ่น200 ล้านตำลึง
1895 ปฎิรูป 100 วัน
ฮ่องเต้กวางสู ต้องการปรับปรุงประเทศโดยริเริ่มการปฎิรูป 100 วัน แต่พระนางซูสีไทเฮา ที่มีลักษณะ หัวอนุรักษ์นิยม ไม่เห็นด้วยจึงจับฮ่องเต้ กวางสู ขังไว้ ความขัดแย้งต่างๆ เริ่มครุกกรุ่น จึงเกิด กบฎจอมยุทธ์
กบฎจอมยุทธ์
义和团 - อี้เหอถวน เรามักได้ยินคนแปลว่า กบฏนักมวย แต่ความจริง อี้เหอ แปลว่า คุณธรรมร่วมใจ และ เดิมคำว่า ถวน นั้นแปลงมาจากฉวนที่แปลว่า มวย ต่อมา มีการรวมตัวกันเป็นกลุ่มย่อยๆ ตามโรง (ถวน) จึงเรียกอี้เหอถวน ดังนั้น ต้องแปลว่า "การลุกฮือของเหล่าจอมยุทธ์คุณธรรม" เพราะเหล่า จอมยุทธ์ นั้น ไม่ใช่นักมวยที่ต่อยมวยข้างถนน แต่เป็นเหล่าจอมยุทธ์กังฟูที่ใช้เพลงหมัด กระบี่ พลอง ทวน หอก ดาบ ในการต่อสู้
จุดเริ่มต้นมา กบฎนักมวย เริ่มในปี 1895 ผู้ว่าเมืองซานตง ได้ขอแรงนักสู้กลุ่มที่เรียกว่า สมาคมดาบใหญ่ ให้ช่วยไล่ล่าโจรป่า ซึ่งได้ผลดี สมาคมสามารถจับหัวหน้าโจรได้หลายคนเป็นที่ชื่นชมของทางการ แต่ พวกโจรหัวใส เปลี่นไปเข้ารีตเป็นคริสต์ เพราะตอนนั้นมีกฏห้ามสังหารชาวคริสต์ พวกนักสู้ไม่สนบุกเข้าไปฆ่า ผู้ว่าเลยโดนสั่งให้ประหาร หัวหน้ากลุ่มนักสู้ พวกนักสู้กลุ่มอื่นๆ จึงเกิดความคับแค้นใจ เลยรวมตัวกันเป็น สมาคมมวยสามัคคีธรรม สมาคมนี้แม้แต่ หวางซี่ปิง ปรมาจารย์ไท่จี๊ก็เข้าร่วมด้วย โดยตอนแรกนั้น มีจุดมุ่งหมายเพียง รักษาคุณธรรม และกำจัดขุนนางชั่ว เท่านั้น โดยในตอนแรก มวยคุณธรรมนี้ มักจะอ้าง การสวดมนต์ เพื่อให้สามารถต่อสู้กับปืนได้ หนังเหนียว และอยู่ยงคงกระพัน
ช่วงนั้นคนจีนเริ่มต่อต้านศาสนาคริสต์ เพราะพวกเขาสอนให้ไม่ไหว้บรรพบุรุษอีกต่อไปซึ่งขัดกับหลักของขงจื้อ เหล่ามิชชันนารี ต่างต่อต้านศีลธรรมแบบดั้งเดิมของจีน ทำให้ชาวจีนเริ่มทนไม่ไหว โดยเริ่มมีการยื่นคำขาด "เอามิชชันนารีกับฝิ่นของคุณกลับไป คุณจะได้รักการต้อนรับ"
1 พฤศจิกายน 1897 มิชชันนารี 2 คนชาวเยอรมันถูกฆ่าตาย (เรียกว่าเหตุการณ์ Juye) ทำให้กษัตรย์วิลเลี่ยมที่ 2 ของเยอรมันส่งทหารเรือเข้ามาที่ซานตง เขตปกครองเยอมัน ทั้งการเงิน เหมือง และรถไฟ เป็นของรัฐบาลเยอรมันและพยายามยึดทุกอย่างในซานตง เพื่อรักษาความปลอดภัยของชาวเยอรมัน
จุดเริ่มต้นของปัญหา เริ่มในปี 1898 เกิดข้อขัดแย้งเรื่อง ปัญหาที่ดินของศาสนาคริสต์ และพุทธ ขึ้น เนื่องจาก เหล่ามิชชันนารี อ้างว่า ที่ดินผืนนี้เป็นของชาวคริสต์มาตั้งแต่ยุคคังซีฮ่องเต้ ดังนั้น พวกเขามีสิทธิ์ที่จะสร้างโบสถ์คริสต์บนพื้นที่ของวัดพุทธ ทำให้ชาวบ้านไม่พอใจ เพราะนี่เป็นวัดพุทธประจำหมู่บ้าน ชาวบ้านจึงรวมตัวกันบุกเข้าไปทำลายโบสถ์ แล้วก็ก่อกบกฎอี้เหอถวน หรือ กบฎจอมยุทธ์ ขึ้น ตอนนี้ ไฟแห่งความไม่พอใจต่างชาติที่กดขี่จีนมาตลอด 50-70 ปีที่ผ่านมา จุดติดขึ้นแล้ว และได้ลามไปทั่วประเทศจีนอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะ สมาคมมวยสามัคคีธรรมที่เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงใหญ่
ในครั้งแรก พวกกบฎหลีกเลี่ยงคำว่า ฉวน เพราะถูกห้ามไม่ให้ฝึกกังฟู ทำให้พวกเขาเปลี่ยนเป็นถวน แทน เพื่อให้ถูกต้องตามกฎหมายราชวงศ์ชิง
แต่กลุ่มกบฎทั่วไปนั้น ไม่สามารถสร้างขุมกำลังได้มากมาย ต่อมา มีกลุ่มการเมืองจากเหล่าขุนนางหัวโบราณที่ต่อต้านต่างชาติเข้าแทรกแซงคอยสนับสนุนด้านการเงินด้วย โดยเฉพาะกลุ่มขุนนางหัวโบราณที่เคยต่อต้านการปฎิรูป 100 วัน ที่ต้องการกำจัดต่างชาติ โดยเริ่มมีใบปลิว ชูคำขวัญ เชิดชูราชวงศ์ชิง กำจัดต่างชาติ ขึ้น ทำให้ กลุ่มกบฎขยายตัวอย่างรวดเร็ว
อี้เหอถวนจะมีสัญลักษณ์คือ โพกหัว และมีสายคาดเอว มีเป้าหมายขับไล่ต่างชาติ ไม่มีผู้นำสูงสุด มีแต่ผู้นำย่อยกลุ่มเล็กๆ 25-100 คนเท่านั้น โดยมีการตั้ง โรง (โรงงาน โรงหลอม หรือที่สาธารณะ ) เพื่อเปิดรับสมัครหรือรวมตัวกัน
ช่วงนั้นคนจีนเริ่มต่อต้านศาสนาคริสต์ เพราะพวกเขาสอนให้ไม่ไหว้บรรพบุรุษอีกต่อไปซึ่งขัดกับหลักของขงจื้อ เหล่ามิชชันนารี ต่างต่อต้านศีลธรรมแบบดั้งเดิมของจีน ทำให้ชาวจีนเริ่มทนไม่ไหว โดยเริ่มมีการยื่นคำขาด "เอามิชชันนารีกับฝิ่นของคุณกลับไป คุณจะได้รักการต้อนรับ"
1 พฤศจิกายน 1897 มิชชันนารี 2 คนชาวเยอรมันถูกฆ่าตาย (เรียกว่าเหตุการณ์ Juye) ทำให้กษัตรย์วิลเลี่ยมที่ 2 ของเยอรมันส่งทหารเรือเข้ามาที่ซานตง เขตปกครองเยอมัน ทั้งการเงิน เหมือง และรถไฟ เป็นของรัฐบาลเยอรมันและพยายามยึดทุกอย่างในซานตง เพื่อรักษาความปลอดภัยของชาวเยอรมัน
จุดเริ่มต้นของปัญหา เริ่มในปี 1898 เกิดข้อขัดแย้งเรื่อง ปัญหาที่ดินของศาสนาคริสต์ และพุทธ ขึ้น เนื่องจาก เหล่ามิชชันนารี อ้างว่า ที่ดินผืนนี้เป็นของชาวคริสต์มาตั้งแต่ยุคคังซีฮ่องเต้ ดังนั้น พวกเขามีสิทธิ์ที่จะสร้างโบสถ์คริสต์บนพื้นที่ของวัดพุทธ ทำให้ชาวบ้านไม่พอใจ เพราะนี่เป็นวัดพุทธประจำหมู่บ้าน ชาวบ้านจึงรวมตัวกันบุกเข้าไปทำลายโบสถ์ แล้วก็ก่อกบกฎอี้เหอถวน หรือ กบฎจอมยุทธ์ ขึ้น ตอนนี้ ไฟแห่งความไม่พอใจต่างชาติที่กดขี่จีนมาตลอด 50-70 ปีที่ผ่านมา จุดติดขึ้นแล้ว และได้ลามไปทั่วประเทศจีนอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะ สมาคมมวยสามัคคีธรรมที่เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงใหญ่
ในครั้งแรก พวกกบฎหลีกเลี่ยงคำว่า ฉวน เพราะถูกห้ามไม่ให้ฝึกกังฟู ทำให้พวกเขาเปลี่ยนเป็นถวน แทน เพื่อให้ถูกต้องตามกฎหมายราชวงศ์ชิง
แต่กลุ่มกบฎทั่วไปนั้น ไม่สามารถสร้างขุมกำลังได้มากมาย ต่อมา มีกลุ่มการเมืองจากเหล่าขุนนางหัวโบราณที่ต่อต้านต่างชาติเข้าแทรกแซงคอยสนับสนุนด้านการเงินด้วย โดยเฉพาะกลุ่มขุนนางหัวโบราณที่เคยต่อต้านการปฎิรูป 100 วัน ที่ต้องการกำจัดต่างชาติ โดยเริ่มมีใบปลิว ชูคำขวัญ เชิดชูราชวงศ์ชิง กำจัดต่างชาติ ขึ้น ทำให้ กลุ่มกบฎขยายตัวอย่างรวดเร็ว
อี้เหอถวนจะมีสัญลักษณ์คือ โพกหัว และมีสายคาดเอว มีเป้าหมายขับไล่ต่างชาติ ไม่มีผู้นำสูงสุด มีแต่ผู้นำย่อยกลุ่มเล็กๆ 25-100 คนเท่านั้น โดยมีการตั้ง โรง (โรงงาน โรงหลอม หรือที่สาธารณะ ) เพื่อเปิดรับสมัครหรือรวมตัวกัน
เดือนมีนาคม 1900 ที่เมืองเทียนจิน มีการรวมตัวของกลุ่มอี้เหอถวน หลายจุด โดยมีผู้นำคนสำคัญอย่าง จางเต๋อเฉิง เฉาฟู่เทียน และหลินเฮยเอ๋อ (ฉายา เจ้าแม่บัวเหลือง เพราะเล่นงิ้วเล่นเป็นเจ้าแม่บัวเหลือง) และเป็นหัวหน้าคณะตะเกียงแดง (กลุ่มเด็กสาวอายุ 12-18 ปี) จะสวมกระโปรงแดง และถือตะเกียงแดง ส่วนคณะตะเกียงน้ำเงินเป็นผู้หญิงทั่วไป ตะเกียงเขียวเป็นหญิงหม้าย และตะเกียงดำเป็นหญิงสูงวัย
นอกจากนี้ยังมี จอมยุทธ์อย่าง ดาบใหญ่หวังอู่ ดาบเดี่ยวหลี่ไจ้อี่ ฝ่ามือแปดทิศเฉิงถิงหัว หมี่จังฮั่วหยวนเจี่ย และไท้เก็กหยางปันโอ่ว (ลูกของหยางลู่ฉาน)
วันที่ 20 มีนาคม 1900 กบฎนักมวย ได้สังหาร มิชชันนารีชาวเยอรมัน การไล่สังหารและเผาโบสถ์ศาสนาคริสต์นั้นทำให้เยอรมัน ฝรั่งเศส อังกฤษ นั้นไม่พอใจอย่างมาก ต่างส่งกองกำลังมาคุ้มครองคนในชาติของตน
นอกจากนี้ยังมี จอมยุทธ์อย่าง ดาบใหญ่หวังอู่ ดาบเดี่ยวหลี่ไจ้อี่ ฝ่ามือแปดทิศเฉิงถิงหัว หมี่จังฮั่วหยวนเจี่ย และไท้เก็กหยางปันโอ่ว (ลูกของหยางลู่ฉาน)
วันที่ 20 มีนาคม 1900 กบฎนักมวย ได้สังหาร มิชชันนารีชาวเยอรมัน การไล่สังหารและเผาโบสถ์ศาสนาคริสต์นั้นทำให้เยอรมัน ฝรั่งเศส อังกฤษ นั้นไม่พอใจอย่างมาก ต่างส่งกองกำลังมาคุ้มครองคนในชาติของตน
เดือนเมษายน 1900 เหล่าพันธมิตรต่างชาติ ได้แก่ อังกฤษ ฝรั่งเศส สหรัฐ เยรอมัน รัสเซีย อิตาลี ออสเตรียส่งหทารมาชุดแรกจำนวน 245 คน โดยเดินทางมาโดยรถไฟ โดยอ้างว่า ทหารเหล่านี้ส่งมาคุ้มครองคนของชาติตนเอง เหล่าทหารพันธมิตรมุ่งหน้ามาที่ปักกิ่งโดยรถไฟ
พฤษภาคม 1900 กบฎอี้เหอถวน ได้ทำลายรถไฟสายเป่าติ้ง-เทียนจิน พร้อมนำทัพกว่า 10000 คน มาสกัดทหารต่างชาติ นอกจากนี้ กลุ่มกบฎ ยังมีการขยายไปจัดตั้ง โรง เพื่อรับสมัครทั่วปักกิ่ง โดยพวกใหม่จะได้เรียนวิชามวยดอกบ๊วย ที่มาจากลัทธิบัวขาว
เดือนมิถุนายน 1900 เหล่าทหารต่างชาติที่เดินทางมาโดยรถไฟ แต่ทางรถไฟเสียหายต้องลงเดิน และเจอกบฎที่มีจำนวนเยอะกว่ามาก ตอนนี้ทหารชุดนี้ถูกกลุ่มกบฎล้อมไว้ได้ วันที่ 5 มิถุนายน ปีนั้น นักการฑูตญี่ปุ่นโดนสังหาร ครั้งนี้เองที่ทำให้ญี่ปุ่นส่งทหารเข้าร่วมด้วย อย่างไรก็ดี มีข่าวลือว่า มีเด็กในชุดนักมวย ถูกฆ่าทหารเยอรมันตาย ทำให้กลุ่มนักมวยต่างลุกฮือทั่วประเทศและไล่เผาโบสถ์คริสต์หนักกว่าเดิม โดยเฉพาะในเมืองปักกิ่ง
ถึงตอนนี้ ทหารพันธมิตรต่างชาติ 8 ชาติ รวมตัวกันประมาณ 2000 คน (มากสุดคือรัสเซีย 900 คน และอังกฤษ 500 คน) ถูกส่งมาเพื่อบุกไปที่เทียนจิน ความจริงแล้ว พวกเขาต้องการยึดรถไฟคืน มากกว่าจะส่งมาช่วยทหารที่ถูกล้อมไว้ เพราะในรถไฟมีอาวุธปืนและปืนใหญ่ จำนวนมาก (ราคารวมกันไม่น้อยกว่า 3 ล้านปอนด์สเตอริง) เพราะพวกเขากลัวว่า หากกลุ่มกบฎได้ไปสถานการณ์จะยิ่งแย่ลงไปอีก และพวกเขาก็เดินทางมาถึงเทียนจินในเดือนกรกฎาคม 1900
วันที่ 14 กรกฎาคม 1900 กบฎนักมวยได้เข้าปะทะกับกองกำลังทหาร 8 ชาติ ที่เมืองเทียนจิน แต่ฝ่ายกบฎพ่ายแพ้ ทำให้กองทัพพันธมิตร 8 ชาติมุ่งหน้าไปเมืองปักกิ่งต่อ ตอนนี้ราชวงค์ชิงออกคำสั่งตี 2 หน้า โดยมีขุนนางบางคนสั่งให้กบฎต่อสู้กับคนจีน ขณะที่เมื่อกบฎพ่ายแพ้ ทหารของพวกเขากลับปล่อยให้ทหารต่างชาติมุ่งหน้ามาที่กรุงปักกิ่งอย่างง่ายดาย
ย้อนกลับไปเดือนมิถุนายน 1900 พระนางซูสีไทเฮาออกมาประกาศว่า พวกเรากำลังล่มสลาย ข้าคงไม่สามารถไปสู้หน้าบรรพบุรุษได้ ขอให้พวกเราสู้จนตัวตาย เป็นการประกาศอย่างเป็นทางการครั้งแรก และถือเป็นการประกาศสงครามกับต่างชาติอย่างเป็นทางการ และสั่งให้ทหารร่วมมือกับกบฎ และส่งสาสน์ไปยังฑูตต่างชาติให้ย้ายออกไปภายใน 24 ชั่วโมง
คนจีนรอเวลานี้มานาน ความแค้นกว่าศตวรรษจะได้ล้างแค้นในครั้งนี้ คนจีนนับล้านคนต่างลุกฮือ ทำร้ายต่างชาติตามท้องถนน ทำให้ต่างชาติต่างไปหลบซ่อนตัวในสถานฑูต แต่สุดท้ายคนจีนก็บุกทำลายสถานฑูตทั้ง 8 ชาติ ในกรุงปักกิ่ง หลังครบ 24 ชั่วโมง
กลับมาเดือนกรกฎาคม 1900 เมื่อกองทัพพันธมิตรมาถึงปักกิ่ง หัวหน้าทัพใหญ๋คือ เยอรมัน มีคำสั่งให้ปล้น ฆ่า ข่มขืน ได้ตามสบาย บันทึกระบุว่า มีคนจีนตายกว่า 50000 ศพในปักกิ่ง ทหารต่างชาติไล่ฆ่าคนจีนไปทั่วท้องถนน หากเจอสาวก็จะข่มขืน ขณะเดียวกัน ทหารต่างชาติอย่างญี่ปุ่นก็ถูกพบว่า ศพเหล่านี้โดนตัดลิ้นและควักลูกตา โดยกลุ่มกบฎมักจะซุ่มตามตรอกเพื่อดักโจมตี ขณะเดียวกัน อากาศในตอนนั้นร้อนถึง 42 องศา ทำให้กบฎไปดักซุ่มทำร้ายตามบ่อน้ำ
สถานการณ์ในปักกิ่งวุ่นวายมาก แต่เหล่าจอมยุทธ์กลับสู้ไม่ถอย ผู้คนหนีกันจ้าละหวั่น จางเต๋อเฉิง และเฉาฟู่เถียน สู้จนตัวตาย เฉิงถิงหัว และหวังอู่ บุกด่านต่างชาติจนโดนยิงตาย หัวของผู้นำ 14 คน รวมหวังอู่ถูกตัดไปแขวนที่กำแพงเมือง
หลินเฮยเอ๋อ เจ้าแม่บัวเหลือง หายสาบสูญ โดยมีข่าวลือว่า เหล่าสาวๆ ถูกจับเป็นเชลยแล้ว ข่มขืนจนเสียชีวิต ส่วนหยางปันโฮ่ว ที่แม้จะสังหารต่างชาติไปได้มาก และรอดมาได้ แต่ถูกราชวงศ์ชิงไล่ออกจากครูฝึกกองทัพ หลังจากนั้นไม่นานก็ตรอมใจตาย เพราะทนอัปยศไม่ได้ ส่วนฮั่วหยวนเจี่ย แม้จะรอดไปได้ ตกดึก กลับเข้าเมืองมาขโมยศีรษะอาจารย์คือดาบใหญ่หวังอู่ กลับออกไปฝัง
ตี 4 วันที่ 15 สิงหาคม 1900 พระนางซูสีไทเฮา ฮ่องเต้ ฮองเฮาและ ข้าราชบริพารปลอมตัวเป็นชาวนาหลบหนีออกจากกรุงปักกิ่งไปซีอาน และให้ หลี่จางหง(李鸿章) ต้องเดินทางไปเจรจากับต่างชาติ โดยผลเจรจายืนยันว่า กลุ่มกบฎเหล่านั้นเป็นกลุ่มโจรที่ทางการต้องปราบให้สิ้น นั่นคือ ซูสีไทเฮา เอาตัวรอด และทรยศต่อกลุ่มกบฎแล้ว
แต่ระหว่าง 1 ปี ปักกิ่งอยู่ภายใต้กองกำลัง 8 ชาติได้แบ่งเมืองปักกิ่งออกเป็นโซนๆ ให้แต่ละชาติดูแลกันเอง กองกำลังต่างชาติบุกค้นบ้านเรือนแทบทุกหลังเพื่อตามล่า พวกกบฎนักมวย โดยจับพวกกบฎนักมวยไปประหาร ณ เวลานี้ ความจริง มีกบฎนักมวยจากทั่วประเทศ แต่โดนทหารของราชวงศ์ชิงที่เปลี่ยนข้างสังหารหมด หนังสือพิมพ์ระบุว่า นี่คือ เทศกาลการปล้มสะดม โดยทหารพันธมิตรไล่ฆ่าทุกคนและปล้น ทุกวันในหมู่ต่างชาติ จะมีการนำสิ่งของที่ปล้มมาได้มาประมูลกัน เป็นแบบนี้ตลอดระยะเวลา 1 ปี
ปีถัดมา หลังพันธมิตร 8 ชาติ ยึดครองปักกิ่งได้ ก็ได้มีการลงนามอีกครั้ง คือ สนธิสัญญา ซินโฉ่ว กับ 8 ชาติพันธมิตร และอีก 3 ชาติ คือ เนเธอร์แลนด์ สเปน และเบลเยี่ยมด้วย โดยจีนต้องชดใช้ค่าปฎิกรรมสงครามกว่า 450 ล้านตำลึง หรือจำนวนเท่ากับประชากรจีนในสมัยนั้น และต้องรื้อป้อมปืนใหญ่ ที่ต้ากู และตลอดเส้นทางระหว่างปักกิ่งถึง เทียนจิน รวมถึงเง่ื่อนไขต่างๆอีกมาก ส่วนญี่ปุ่นขอเพิ่มคือ จีนต้องส่งขุนนางไปขอขมาที่ญี่ปุ่น ในกรณีฑูตญี่ปุ่นที่เสียชีวิต ภายหลังลงนามแล้ว ซูสีไทเฮาจึงเดินทางกลับปักกิ่งในปี 1902
หลังเหตุการณ์นี้เอง ที่ซูสีไทเฮา จึงเริ่มดำเนินการปฎิรูปตามที่กวางสี่เคยปฎิบัติ โดยเฉพาะการศึกษา การทหาร ตำรวจ ที่ถูกลือเพื่อสร้างใหม่หมด แต่ไม่นาน ซูสีไทเฮา และกวางสี ก็เสียชีวิตในปี 1908
ต่อมา ดร.ซุนยัดเซ็น ทนความฟอนเฟะของประเทศไม่ไหว จึงก่อการปฎิวัติราชวงศ์ชิง โดยก่อตั้ง สหสันนิบาตจีน (สมาคมถงเหมิน (中國同盟會) ต่อมาคือ พรรคคณะชาติ หรือ ก๊กมินตั๋ง) และเมื่อรวบรวมคนได้ก็ก่อ ปฎิวัติซินไฮ่ จนปี1912 ก็สามารถก่อตั้งรัฐบาลชั่วคราว เรียกเป็นสาธารณรัฐจีน และปลดฮ่องเต้ลงได้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น