วันพุธที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2563

จีน(BC206) - หลิวปัง กับ งานเลี้ยงที่หงเหมิน

งานเลี้ยงที่ประตูหงเหมิน ( 鴻門宴) เป็นเหตุการณ์หนึ่งที่เกิดใน 206 ปีก่อนคริสตกาล เป็นส่วนหนึ่งของสงครามฉู่-ฮั่น (206-202 ปีก่อนคริสตกาล) อันเป็นสงครามภายหลังสิ้นสุดราชวงศ์ฉิน เป็นการแย่งชิงความเป็นใหญ่ระหว่าง เซี่ยงอวี่ หรือ ฌ้อปาอ๋อง แห่งรัฐฉู่ กับ หลิวปัง แห่งรัฐฮั่น

โดยสถานที่ ๆ เกิดเหตุในปัจจุบัน คือ หมู่บ้านหงเหมินเปา ในอำเภอหลินตง เมืองซีอาน มณฑลส่านซี

ที่มา
หลังจากฉินซีฮ่องเต้ สามารถรวบรวมแผ่นดินได้เป็นปึกแผ่นในปี 221 ก่อนคริสตศักราช  แต่เนื่องจาก ราชวงศ์ฉิน ไม่ได้ดูแลประชาชน ขูดรีดราษฎรอย่างหนัก ทำให้ประชาชนเดือดร้อนทุกหย่อมหญ้า ต่อมาจึงเกิดกบฎ โดยมี 2 ทัพที่เติบโตอย่างรวดเร็ว หนึ่งคือ กองทัพของเซี่ยงห=วี่ หรือช้อป่าอ๋อง ของแคว้นฉู่ และ หลิวปัง ที่เป็นเพียงขุนนางระดับล่างของแคว้นฉิน

เซี่ยงหวี่ นั้น แม้จะเป็นคนกล้าหาญ แต่ก็เป็นคนโหดเหี้ยม หยิ่งจองหอง ไม่ฟังความคิดเห็นคนอื่น สู้รบเก่ง ส่วนนหลิวปัง นั้น เป็นคนเจ้าเล่ห์ ใช้สมองของคนรอบข้าง ในการบัญชาการ  ทั้งสองพันธมิตรร่มกันก่อกบฎ สนับสนุนกัน และมีข้อตกลงว่า หากใครบุกตีเมืองเสี่ยนหยางของแคว้นฉินได้ก่อน คนนั้นจะได้เป็นฮ่องเต้

หลิวปังนั้นใช้กลยุทธ์ หากเมืองไหนยอมจำนน จะไม่สังหาร และปล้นสะดม ทหารฉินส่วนใหญ่จึงยอมเปิดประตูเมืองอย่างงายดาย ขณะที่เสี่ยงอวี่ นั้นเลือกที่จะบดขยี้ทุกเมืองที่ขวางหน้า ขณะที่จื้ออิง น้นได้สังหาร เจ้าเกา (ขันที) และสถาปนาขึ้นเป็นฮ่องเต้เรียบร้อยแล้ว แต่เห็นว่า ไคต่อต้านไม่ไหว จึงยอมยกให้หลิวปังอย่างง่ายด่าย

เข้าเมื่องเสี่ยนหยาง
ปี 207 กอ่นคริสตศักราช เซี่ยงหวี สติดกับกองทัพหลักของ ราชวงศ์ฉินที่ เมืองจวี้ลู่ ทำให้หลิวปังนำองทัพบุกเข้าตีเมืองเสียนหยาง ที่เป็นเมืองหลวงของแคว้นฉินได้สำเร็จ จัดวางกองทหารหลักไว้ชานเมือง และให้ทหารดูแลประชาชน  ทำให้ประชาชนต่างชื่นชมความเมตตา ของหลิวปัง เวลาน้้นทำให้ หลิวปังนั้น เตรียมขึ้นเป็นฮ่องเต้ ตามข้อตกลง

เซี่ยงอวี่ นั้น โกรธมาก เตรียมนำกองทัพบุกเข้าเมืองเสี่งหยาง แต่เซี่ยงป๋อ อาของเซี่ยงอวี่ นั้น สนิทชิดเชื้อกับ จางเหลียง ที่ปรึกษาของหลิวปัง จึงรีบขี่ม้าไปบอกข่าว กับจางเหลี่ยงก่อน เมื่อหลิวปังได้ฟังก็ตกใจ จางเหลี่ยงจึงครุ่นคิด เขารีบฝากจดหมาย ยืนยันว่า กองทัพของพวกเขาทำบัญชีรายชื่อทรัพย์สินในท้องพระคลังไว้ และให้หทารดูแลประชาชนรอให้ท่านเซี่ยงอวี่ มารับตำแหน่ง

แต่เซี่ยงป๋อนั้น ดูไม่สนิทใจที่จะยื่นหนังสือดังกล่าวให้ หลิวปังจึงได้ยกลูกสาวให้กับลูกชายของเซี่ยงป๋อ ทำให้เซี่ยงป๋อยอมไปพุดเจรจาให้ อีกทางนอกจากจดหมาย และยังบอก่า หลิวปังจะเดินทางมาขอโทษด้วยตนเอง ทีหงเหมิน  ทำให้เซี่ยงอวี่ยอมพักการโจมตีไว้ก่อน

งานเลี้ยงที่หงเหมิน
ฟั่นเจิง นั้นเมื่อได้ข่าวว่า เซี่ยงฮวี่เปลี่ยนใจก็โกรธมาก เตือนสติ่ว่า เดิมหลิวปัง เป็นคนละโมบ โลภมาก เจ้าชู้ แต่เมื่อตีเมืองเสี่ยงหยางสำเร็จ เขากับเปลี่ยนไป แสดงว่า หลิวปังวางแผนสูง ให้รีบสังหารหลิวปังเสียก่อน จึงคิดแผนจัดการ โดยภายในงานเลี้ยงฉลองชัยชนะของหลิวปัง ที่ด่านหงเหมิน ให้เซี่ยงอวี่พยายามกล่าวโทษหลิวปัง หากแก้ต่างไม่ได้ก็ให้ฆ่าเสียเลย  และหากพลาดก็ให้ล้อมสังหาร

ขณะที่ฝ่ายหลิวปังนั้น จางเหลียง  แนะนำ หลิวปังการแสดงออกท่าทาง และคำพูดบางอย่าง นอกจากนี้ ยังมีคนไปด่านเพียง หลิวปัง จางเหลียง และ ฝ่านไคว้ และหทารอีกเล็กน้อยเท่านั้น

เมื่อเดินทางไปถึง เซี่ยงอวี่ ก็ประกาศโทษ 3 ประการแก่หลิวปัง 1 ปล่อย จื้ออิง( ขันที) โดยไม่ลงอาญา 2 เปลี่ยนกฎหมาย  3 ส่งทหารไปสกัด เพื่อขวางทัพเซี่ยงอว๊๋

หลิวปังจึงตอบกลับว่า จื่ออิง ยอมจำนานแต่โดยดี หากเขาลงโทษไปจะเป็นการเกินอำนาจของเขา จึงรอให้เซี่ยงอวี่ จัดการเรื่องนี้แทน

การเปลี่ยนกฎหมาย ของราชวงศ์ฉินที่เข้มงวด และรุนแรง  ถ้าทิ้งไว้ กัวประชาชนจะลุกฮือต่อต้าน ก่อนที่เซี่ยงอวี่จะยกทัพมา  ดังนั้นเพื่อเป็นการลดความวุ่นวาย

กองทัพที่ส่งไป นั้น เพื่อป้องกันโจรผู้ร้าย เพราะหากมีกองทัพอื่นของฉิน มาทำอันตรายหรือไม่ จึงต้องสั่งให้ป้องกันด่านไว้ ก่อนที่ท่านเซี่ยงอวี่จะมาถึง

เมื่อหลิวปังแก้ข้อต่างได้สำเร็จ เซ่ี่ยงอวี่ ก็พอใจ แต่ ฟั่นเจิง กลับคิดว่า แผนแรกไม่สำเร็จ ให้ใช้แผนสอง  โดยพยายามส่งสัญญาณให้เซี่ยงอวี่ให้สัญญาณจู่โจม แต่เซี่ยงอวี่ไม่ยอมให้สัญญาณ

ในที่สุด เซี่ยงจวง ญาติของเซี่ยงอวี่ ได้เข้ามารำดาบให้แขกชม  จางเหลี่ยงรู้ดีว่า สถานการณ์ไว้ใจไม่ได้แล้ว จึงได้เดินออกมา บอกกับ ฝานไคว้ แล้วกลับเข้าไปในงานเลี้ยง ไม่นานฝานไคว้ ก็บุกเข้ามาในงานแล้วตะโกนว่า  ราชวงศ์ฉินฆ่าคนเป็นผักปลา แม่ทัพทั้งสอง ยกทัพมากปราบ ผู้ใดมาถึงก่อนจะได้ขึ้นเป็นฮ่องเต้ แต่ หลิวปังมาถึงก่อน แต่กลับไม่ตั้งตนเป็นฮ่องเต้  คอยดุแลทรัพย์สิน และประชาชนให้เป็นอย่างดี รอท่านเซี่ยงอวี่ มา ความดีความชอบของท่านแม่ทัพหลิวปังมีมากมาย ท่านเซี่ยงอวี่กลับไม่เห็น กลับไปเชื่อคำยุแหย่ ข้าพเจ้าเห็นวาไม่สมควรจึงฝ่าเข้ามาทัดทาน

จางเหลี่ยงเห็นดังนั้น ทำท่าไล่ ฟั่นจิงออกไป  หลังจากนั้น หลิวปัง แกล้งเมา และขออกมาปัสสาวะ โดยอให้จางเหลียงมาช่วยประคอง เมื่อได้จังหวะ ทั้งคู่ก็หนีกลับค่ายทันที

ฟ่านเจิง นั้น เห็นดังนั้น ก็กล่าวอย่างโกรธแค้นว่า สักวันหนึ่ง หลิวปังจะขึ้นเป็นฮ่องเต้

ยึดเมืองเสี่ยนหยาง
หลังจากเซี่ยงอวี่ เข้ายึดเมืองเสี่ยนหยางเขาก็จัดการสำเร็จโทษ เชือพระวงศ์ของราชวงศ์ฉินทั้งหมด  และเห็นว่า เมืองนี้เป็นเมืองของคนชั่ว เขาจึงสั่งเผาพระราชวังทั้งหมด

หลังจากนั้น หานเซิง แม่ทัพของเซี่ยงอวี่ไม่พอใจ จึงบอกว่า  คำกล่าวที่ว่า ชาวฉู่ เหมือนลิงได้เสื้อผ้า ไม่เกินความจริงไปนัก

เมื่อเซี่ยงอว๊่ได้ยิน ก็สั่งจับ หานเซิง ไปประหารด้วยการ ต้มทั้งเป็นทันที และตั้งตนเองเป็น ฉ้อป่าอ๋อง และแต่งตั้งหวาง (กษัตริย์) อีก 18 คนปกครองดินแดนต่างๆ  หลิวปังก้ได้เป็นหนึ่งใน 18 คนด้วย โดยได้ดินแดน ปาสู่ (มณฑลเสฉวนในปัจจุบัน) เป็นดินแดนทุรกันดาน มีแต่ภูเขาสูง

แม้ว่า หลิวปังจะโกรธมากที่ได้ดินแดนทุรกันดาร แต่จางเหลียว ก็เตือนว่า หากยกทัพไปตี มีแต่จะเสร็จเซี่ยงอวี่ในทันที

ไม่นานหลังจากรวบรวมกำลังแล้ว พอดีเกิดกบฎ อีกแคว้นฉี  ทำให้หลิวปังสบโอกาส เข้าตีด่านต่างๆ มุ่งสู่ดินแดนของแคว้นฉินเดิม ครั้งนี้ เซี่ยงอวี่ เลือกที่จะยกทัพไปตี กบฎที่แคว้นฉี แทนที่จะมาปราบหลิวปัง

หลิวปังยังคงใช้กลยุทธ์เดิม คือหากใครยอมจะไม่สังหารและปล้นสะดม มีหลายเมืองยอมเปิดทางให้หลิวปัง ขณะที่เมืองไหนไม่ยอมจะต้องพบกับยอดมแ่ทัพอย่าง หานซิ่น ขณะเดียวกัน หลิวปังก็เข้าตีเมืองเผิงเฉิง เมืองหลวงของแคว้นฉู่ และประกาศสงครามกับ เซี่ยงอวี่ทันที

กลับไปกลับมา
เซี่ยงอวี่ ทราบข่าว รีบนำทหารออกจากแคว้นฉี กลับมาที่เมือง เผิงเฉิง แคว้นฉู่ทันที  ถึงศึกนี้ ฮั่นจะมีถึง ห้าแสนหกหมื่นนาย แต่ฝ่ายฉู่ของเซี่ยงอว๊่มีเพียง สามหมื่นนายเท่าน้น  แต่เซี่ยงอว๊่นำทัพขี่ม้าบุกตะลุยจนกองทัพฮั่นแตกกระจาย ขณะที่หลิวปังรู้เรื่อง ก้รีบควบม้าหนี

กองทัพฮั่นแตก กองทัพกว่า แสนคน กองทัพสามหมื่นต้อนไปที่แม่น้ำ หลายคนพยายามว่ายน้ำหนี แต่ไม่เป็นผล กองทัพเซี่ยงอวี่นั้น ไล่ฆ่า จนขนาดศพขวางทางน้ำไม่สามารถไหลผ่านไปได้  ครั้งนั้น หลิวปังสูญเสียทหารไป สองแสนนาย พ่อและเมียโดนเซี่ยงอวี่จับเป็นตัวประกัน

สถานการณ์ตีกลับ


----------------
ทางฝ่ายเซี่ยงอวี่จึงคิดจะจัดการหลิวปังให้ได้อย่างเด็ดขาด ฟ่านเจิ้ง ที่ปรึกษาของเซี่ยงอวี่จึงคิดแผนที่จะจัดงานเลี้ยงฉลองให้แก่ความสำเร็จของหลิวปัง ที่ด่านหงเหมิน นอกเมืองเสียนหยางอออกไป ซึ่งแท้ที่จริงแล้วภายในงานจะซุ่มซ่อนอาวุธและมือสังหารไว้ เพื่อลอบสังหารหลิวปัง

ทางฝ่ายหลิวปังล่วงรู้แผนนี้ได้จาก เซี่ยงป๋อ ซึ่งเป็นญาติของเซี่ยงอวี่ และเป็นมิตรสหายกับหลิวปัง เซี่ยงป๋อแอบเอาข้อมูลนี้แจ้งแก่จางเหลียง ที่ปรึกษาคนสำคัญของหลิวปังเพื่อพร้อมรับมือ จางเหลียงสั่งให้หลิวปังเชิญเซี่ยงป๋อมาพบอย่างเป็นทางการพร้อมมอบเงินทองของมีค่าที่ได้จากเมืองเสียนหยางให้ แถมยังสัญญาว่าจะยกลูกชายของหลิวปังให้แต่งงานแก่ลูกสาวของเซี่ยงป๋อ เพื่อเกี่ยวดองความเป็นญาติกัน เซี่ยงป๋อได้กลับไปรายงานต่อเซี่ยงอวี่ว่า หลิวปังนั้นมิได้หักหลัง แต่กระนั้นงานเลี้ยงที่หงเหมินก็ยังมีขึ้นตามกำหนด กำหนดการสังหารนั้นจะเกิดขึ้นเมื่อมีการแสดงการร่ายรำดาบหลังจากที่ดื่มกินกันไปแล้วพักใหญ่

หลิวปังได้พบหน้าเซี่ยงอวี่ก็ประกาศความยิ่งใหญ่ของเซี่ยงอวี่ทันที โดยยกให้ความดีความชอบที่ได้เข้าเสียนหยางก่อนเป็นเพราะเซี่ยงอวี่รับศึกกับ จางฮั่น แม่ทัพใหญ่ของรัฐฉิน จนไม่มีทหารเหลือต่อต้านตน การเดินทางของตนเองนั้นได้มาจากโชคที่ทางเซี่ยงอวี่ประทานให้ แถมที่เข้ามาควบคุมเมืองให้ก็เพื่อให้เซี่ยงอวี่เข้ามาสู่เมืองเสียนหยางอย่างสะดวก และการที่ตนเข้าเมืองเสียนหยางมานี้ ก็มิได้ตั้งตนเป็นอ๋อง เพราะต้องการจะมอบตำแหน่งนี้ให้แก่เซี่ยงอวี่ การอวยความยิ่งใหญ่นี้ ทำให้เซี่ยงอวี่ไม่ส่งสัญญาณให้มือสังหาร ออกมารำดาบตามแผนเสียที ฟ่านเจิ้งนั้นกระตุ้นเตือนหลายครั้งให้เซี่ยงอวี่ลงมือ สุดท้ายเมื่อเซี่ยงอวี่ไม่ยอมทำ ฟ่านเจิ้งจึงกระซิบให้เซี่ยงจวงซึ่งเป็นญาติอีกคนของเซี่ยงอวี่ และเป็นมือสังหารที่เตรียมไว้ออกมารำดาบทันที

เมื่อเห็นดังนั้น ฟานไขว้ แม่ทัพคนสนิทของหลิวปัง ได้ชักดาบออกมาสกัดกั้นเซี่ยงจวงทันที พร้อมกับตะโกนต่อว่าเตือนสติเซี่ยงอวี่ไปว่า หูเบา ไปหลงคำยุแหย่ของผู้ที่ต้องการให้สองฝ่ายแตกแยกกัน เมื่อฟังถ้อยความของฟานไขว้แล้ว เซี่ยงอวี่ก็ได้สั่งให้หยุดกิจกรรมทุกอย่าง และรินสุราคาราวะให้ฟานกุ้ย

ทางฝ่ายหลิวปังได้ทีก็แสร้งเมาแล้วเดินออกจากกระโจมจัดงาน โดยอ้างว่าจะไปปัสสาวะ โดยมีฟานไขว้เป็นคนประคองออกไปพร้อมกัน เมื่อออกมาไกลทั้งคู่ก็หนีกลับไปที่ค่ายของตัวเอง รอดพ้นการถูกสังหารอย่างหวุดหวิด หลังเหตุการณ์นี้ ฟ่านเจิ้งได้ถึงกับปรารภออกมาว่า ท้ายที่สุดสงครามครั้งนี้ เซี่ยงอวี่จะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ และหลิวปังจะได้สถาปนาตนเองเป็นฮ่องเต้ ซึ่งก็เป็นจริงตามนั้นทุกประการ หลังจากนี้

ในวัฒนธรรม
เรื่องราวดังกล่าว ได้กลายมาเป็นเรื่องเล่าขานในวัฒนธรรมจีนจนถึงปัจจุบัน โดยมีสำนวนที่ว่า "項莊舞劍" หรือ "意在沛公" (พินอิน: Xiàng Zhuāng wǔ jiàn, yì zài Pèi Gōng) อันมีความหมายว่า "ใครบางคนถูกเรียกตัวให้ไปตาย หรือเรียกตัวให้ไปรับความผิด หรือการวางแผนเพื่อลอบสังหารโดยที่อีกฝ่ายไม่มีทางเลือก" ซึ่งเรื่องราวนี้ได้ถูกอ้างอิงถึงในวัฒนธรรมร่วมสมัย เช่น White Vengeance ภาพยนตร์ในปี ค.ศ. 2011 และThe Last Supper ภาพยนตร์ในปี ค.ศ. 2012 เป็นต้น

หลังจากนั้น หลิปังก็ทำศึกกับเี่ยงอี่เป็นเลา 4  ปี เรียก่า สงครามฉุ่ ฮํ่น คือ สงครามระห่างแค้นฉู่กับแค้นฉฮั่นนั่นเอง ในระยะเลา 4 ปีนี้ ทั่งคู๋ผลัดกันรุกผลัดกันรับ อย่าลืม่า ฉ้อป๋าอ๋อง หรือเี่ยอี่นั้น ถือเป็นเทพแห่งสงคราม 

โดยมีอยู่ช่งหนึ่ง มีเหตุการณ์สำคัญคือ เี่ยงอี่นั้น ได้มาปะทะกับกองทัพของ หลิปัง ที่กำลังล้อมเมืองิงหยางอยู่  แต่หลิปังเก็บตัเงียบ เี่ยงอี่ ร้องให้หลิปังออกมารบทุกัน แต่หลิปังนั้นไม่ยอมออกจากเมือง รอกองทัของหานสิ้นมาช่ย เี่ยงอี่นั้นให้คนไปนำ พ่อและภรรยาของหลิปังออกมามัดไ้ที่หม้อต้ม ขู่่า ถ้าหลิปังไม่ออกมา ตนจะต้มคนทั้งสอง  จางเหลียงเห็นดังนั้น จึงแนะนำหลิปัง่า ให้ส่งสารตัดพ่อตัดลูกไปก่อน ไม่เช่นน้นจะหลงกลฝ่ายเี่ยงอี่ได้ หลิปังนั้น เครียดมาก จึงถามกลับจางเหลียง่า หากต้มบิดาข้าจริงจะำทเช่นไร จางเหลียงบอก่า อย่าลืม่า เราดองญาติกับ เี่ยงป๋อ ไ้แล้ เี่ยงป๋อคงช่ยทัดทาน

หลิปัง ส่งสารไป่า  ข้ากับเจ้า เคยเป็ฯพี่นอ้งร่มสาบาน พ่อข้าก็คือพ่อเจ้า ถ้าเจ้าต้มพ่อเสร็จแล้ อย่าลืมแบ่งน้ำแกงให้ข้าถ่ยหนึ่งด้ย

เี่ยงอี่นั้น ได้อ่านสารก็โกรธมาก จะจับต้มจริงๆ แต่ เี่ยงป๋อ นั้นทัดทานไ้จริงๆ ทำให้พ่อกับภรรยาของหลิปังนั้นรอดชีิตหุดหดิด

พลิกสถานการณ์
หลังจากนั้น กองทัพของเี่ยงอี่กลับเสบียงหมดก่อน ขณะที่ฝ่ายของหลิปังน้้นได้เสบียงมาอย่างต่อเนื่อง  แต่หลิปังนั้นเป็ฯห่ง พ่อกับภรรยามาก จางเหลียงจีงออกอุบาย ให้เปิดทางเจรจาเพราะเชื่อ่า สถาณการณ์ของเี่ยงอี่นั้นเสียเปรียบ โดยขอให้ฝ่ายเี่ยงอ๊่นั้นส่งตัพ่อและภรรยาคืนมาก่อน

เี่ยงอี่ น้นเป็ฯคนื่อ จึงได้คืนตัพ่อและภรรยา โดยอาศัยคลองเป็ฯตักัน เพื่อทำสนธิสัญญาสงบศึก เมื่อทั้งคู๋ลงนามเสร็จ ก็กำลังจะแยกย้าย แต่จางเหลียง นั้นรีบไปกระิบบอก หลิปัง่า นี่คือโอกาสดีที่จะได้รบรม แผ่นดิน

หลิปังนั้น สงสัย่า เพิ่งลงนามสงบศึก จะกลับคำได้อย่างไร แต่จางเหลียง จึงเผย่า การสงบศึกเป็นเพียงกลศึก เพื่อต้องการให้เี่ยงอี่ ปล่อยพ่อและภรรยาเท่านั้น  ดังนั้น หลิปังจึงยอมเสียสัตย์เพื่อชาติ  สังกองทัพบุกตีกองทัพของเี่ยงอี่ ทันที

สุดท้าย หลิปัง ใช้กลยุทธ์ออกไปท้ารบกับเี่ยงอี่ เพื่อ หลอกล่อให้กองทัพของเี่ยงอี่ เข้ามาที่หุบเขา เี่ยงอี่ได้ยินหลิปังท้าก็โกรธมาก จึงยกทัพเข้าไปที่หุบเขา ที่เป็นจุดสังหาร  ครั้งนี้ กองทัพของเี่ยงอี่่พ่ายยับเยิน

ถึงตอนนี้ หลิวปังได้นำกองกำลังกว่า 300,000 นาย ล้อมกองทัพของเซี่ยงอวี่ ที่มีเพียง 8000 คนได้  ตอนนี้ หลิวปัง หานสิ้น เชื่อว่า ทหารของเซี่ยงอวี่นั้นอาจจะตีวงล้อมออกมาได้ จางเหลียงจึงแนะนำให้ใช้กลยุทธ์ ให้ทหารร้องเพลง แค้นฉู่ จากทั้ง สี่ทิศของกองทัพฮั่น เี่ยงอี่ได้ยินก็ตกใจ แล้ถามทหาร่่า ทหารฮํ่นได้ครอบครองดินแดนแคา้นฉู่ทั้งหมดแล้เหรอ  ทำไมชาแค้นฉินถึงมากมายขนาดนี้ ชาแค้นฉู่ไปเข้ากับฮํ่นแล้หรือ

เี่ยงอี่นั้น มีอี่จี หรือ หยูจี เป็นนางสนมที่อยู่ข้างกายเี่ยงอี่มาโดยตลอด เขาเลือกที่จะฝ่ากองทัพออกไป  แต่กลับยิ่งเสียไพร่พลลงอีก จนตัเองต้องถูกต้อนไปจนมุมที่แม่น้ำ ไก่เี่ย เพลงนี้ถือเป็ฯเพลงที่มีชื่อเสียงมากในประัติศาสตร์ โดยมีคามหมาย่า ข้าแข็.แกร่งขนาดขุนเขา จิติญญาณข้าขนาดเปลี่ยนยุคสมัย แต่เเลาที่มืดหม่นนี้ จะมีสิ่งใดมีคามหมายเล่า  หยูจีที่รักของข้า เจ้าจะเป็นเช่นไรต่อไป

เขาเลือกร้องเพลงนี้ ร่ำลากับนางหยูจี  และเลือกที่จะฝ่ากองทัพของหลิปังอีกรั้ง ด้ยทหารม้าเพียง 28 นาย เท่านั้น ในศึกครั้งสุดท้ายนี้แม้จะมีทหารเพียง 28 นาย แต่สามารถไล่ฆ่ากองทัพหลิปังได้นับร้อยนาย สุดท้าย เขาพบกับชายผู้หนึ่ง  ชายผู้นั้นกล่า่า ของเพียงท่านเี่ยงอี่ หนีข้ามแม่น้ำกลับไปตั้งต้นใหม่ ก็อาจชนะศึกในภายภากนหน้าได้  แต่เี่ยอีกลับตอบกลับ่า

ข้าพาลูกหลานจากเจียงตง มาแปดพันนาย บัดนี้ข้าเหลือตัคนเดีย ข้าจะมีหน้ากลับไปเจียงตงได้อย่างไร
เขาเลือกที่จะฝ่ากองทัพหลิปังอีกคร้ง เขาสังหารทหารของหลิปังไปอีกเป็นร้อยนาย แต่เขาเหนื่อยล้ามาก เขาเหลือบไปเห็น หลี่หม่าถง ลูกน้องเก่าของเขาเอง อยู่ในหมู่ทหารฮั่น  เี่ยงอีจึงกล่า่า ข้าได้ยิ่นห่า หลิปังสัญญา่า จะให้ทองพันตำลึงกับ ศักดินาหมื่นครัเรือน แก่ผู้นำหัของข้าไปมอบให้เขา บัดนี้ข้าขอมอบรางัลให้เจ้า หลี่หม่าถง พูดจบ เขาก็ฆ่าตัตายด้ยการเชือดคอตัเองด้ยอดาบ จบชีิในัย 30 ปีในปี 202 ปีก่อนคริศตกาล

ทำให้ หลิวปังสามารถสถาปนา ราชงศ์ฮั่น ได้สำเร็จ เป็นปฐมกษัตริย์ ฮั่นเกาจู่ ราชงศ์นี้เองที่ชาชีนต่างพร้อมใจกันเรียกตัเอง่า ชาฮั่น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น