วันพุธที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

หลิวก่านซาน งิ้วตลกผู้ท้าทายพระนางซูสีไทเฮา

หลิวก่านซาน  งิ้วตลกผู้ท้าทายซูสีไทเฮา

หลิวก่านซาน 刘赶三 (1817 - 1894) นักแสดงงิ้วปักกิ่ง ที่รับบทรองเสมอ เขาเป็นดารางิ้วที่โด่งดังมากแห่งยุคปลายราชวงศ์ชิง ครั้งหนึ่งเขาถึงกลับกล้าเล่นตลกกับพระนางซูสีไทเฮาเลยทีเดียว

หลิวกานซาน นั้น ดังขนาดที่ปรากฎอยู่ในภาพวาด “13 สุดยอดดาราแห่งยุค” ที่ประมวลสุดยอดดารางิ้วในยุคนั้นไว้ด้วยกัน บทที่สร้างชื่อให้เธอคือ บทของ หมอต้มตุ๋ม ในละครเรื่อง "ขอพบหมอหน่อย"  และสิ่งที่เขาสร้างสรรขึ้นมาในวงการงิ้ว คือ การขี่ลา ตัวเป็นๆ ขึ้นไปบนเวที

ประวัติ
หลิวก่านซาน เดิมชื่อ หลิว เป่าซาน 刘宝山 และมีฉายาว่า หลิว  ก่านซาน 赶三 ซึ่งแปลว่า “วิ่งรอกสามงาน”

เขาเกิดในตระกูลที่ร่ำรวย โดยเฉพาะปู่และพ่อของเขา เป็นถึง นายแพทย์ ทำให้สมัยเด็กเขาได้รับการศึกษาเป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังแตกฉานด้านภาษาระดับหาตัวจับยาก แต่เขากลับผิดหวังซ้ำซากจากการสอบเข้ารับราชการ ทำให้เขาเบนเข็มไปสู่แนวทางชีวิตใหม่ จากงานอดิเรกของเขา เขาก็เอาจริงโดยเขามุ่งหน้าเข้าสู่โรงละคร เริ่มแรก เขาขอเข้าในคณะงิ้วที่เทียนจิน ก่อน แน่นอนว่า คณะงิ้วแรกที่เขาขอไปอยู่ด้วยนั้น ก็อยู่ระดับแนวหน้าของประเทศ แต่เขากลับได้ตำแหน่งพนักงานขายตั๋วแทน เขาไม่ยอมแพ้ เขาขอพบหัวหน้าคณะงิ้ว และด้วยพลังเสียงของเขานี่เองก็ทำให้ เจ้าของคณะงิ้วไม่มีทางเลือก นำเขามาฝึกฝนการร้องและเล่นงิ้ว แน่นอนว่า หลังจากเขาได้รับการเรียนการร้องเพลงอย่างจริงจังแล้ว เขาได้รับการโหวตให้เป็น นักแสดงงิ้วที่มีเสียงดีที่สุดของคณะ แต่เขาไม่พอใจแค่นั้น เขาเลือกเก็บเสื้อผ้ามุ่งหน้าไปปักกิ่งแทน

เมื่อเขาไปที่ปักกิ่ง แม้ว่าเขาจะได้เข้าคณะงิ้วที่ปักกิ่งซึ่งถือเป็น คณะงิ้วที่ดีที่สุดของประเทศจีน บทละครดีที่สุด นักแสดงดีที่สุด ที่นั่นเองเขากลับพบว่า การร้องเสียงดีอย่างเดียวไม่เพียงพอเสียแล้ว เพราะที่ปักกิ่งมีนักร้องเสียงดีมากมาย ทำให้เขาต้องคิดค้นการร้องเพลงในแบบของเขาที่มีการสร้างสีสรรขึ้นมาเสริม

ทำไมเขาถึงได้รับฉายา ก่านซาน หรือ จับ 3 เดิมเขาชื่อ หลิวเป่าซาน นักร้องงิ้วสมัยนั้น มักจะรักษาเสียงร้องของตนเอง ด้วยการร้องเพียงคืนละแห่งเดียวเท่านั้น  ซึ่งความจริงแล้ว คณะงิ้วก็จะไม่อนุญาตให้ทุกคนในคณะร้องเพลงเกินวันละหนึ่งแห่ง เพราะหากร้องมากไป จะทำให้เสียงเสียหายได้ แต่สำหรับ หลิวเปาซาน แล้ว  ณ เวลานั้น เขาไม่คิดว่า การร้อง 3 ที่ มันจะแย่ตรงไหน เขาจึงวิ่งรอกงาน 3 งาน  จนคนดูบางคนสับสนว่า เขามีถึง 3 คน นั่นเองทำให้เขาได้รับฉายาว่า หลิวเป่าซาน ที่แปลว่า "หลิว วิ่งรอก 3 งาน"

ตัวตลกเทพ
โดยทั่วไป บทคนแก่ หรือบทรองๆ นั้น คนเล่นงิ้วนั้น มักมีลักษณะเสียงรองจากตัวหลัก แต่สำหรับ หลิวก่านซ่าน แล้ว แม้เขาจะได้รับบทรอง แต่พื้นฐานของหลิวกานซ่าน แล้ว เขาเป็นคนที่มีเสียงดีระดับเล่นเป็นตัวหลักได้ ซิ่งถือเป็นโชคดีเป็นของหลิว อย่างไรก็ดี เขามักได้รับบทเป็น แม่สามี หรือ แม่ภรรยา รวมถึง หมอต้มตุ๋น ด้วย

หลิว ก่านซาน มีจุดเด่น คือ พลังเสียงที่ชัดเจน สดใส และสามารถร้องเพลงได้เป็นอย่างดี ถือเป็นคนที่มากความสามารถ ที่สำคัญคือ เป็นคนมีไหวพริบปฎิฎาณดีอย่างมาก สามารถปรับเปลี่ยนเนื้อเรื่องให้ชวนติดตามได้ นอกจากนี้ เพลงงิ้วก็มักถูกร้องเป็นแบบสไตล์ของเขาอีกด้วย  ยกตัวอย่างเช่น เขาสามารถ แนบโฆษณา "ยา" ที่สนับสนุนเขาเข้าไปในบทงิ้วได้อย่างแนบเนียนเสมอๆ  แต่หลิวกานซ่านก็ถือว่า เป็นตัวตลกที่ชอบเสียดสีสังคม

ชีวิตจริง
ชีวิตจริงของ หลิวกานซานนั้น  แม้ว่าตัวเขาจะได้รับบทเป็นคนชั้นรอง แต่ชีวิตจริงกลับเป็นคนที่ปราณีต กับงานแสดงมาก รวมถึง การคิดบทละครอย่างปราณิตมาก ผู้คนส่วนมากมักคิดว่า เขาคิดบทพูดแบบสดๆ แต่ความจริงเขากลั่นกรองมาอย่างดี  โดยผู้ชมมักชมหลิวว่า "เป็นความน่าเกลียดที่ปราณีตที่สุด" สิ่งนี้เองที่ทำให้เขาสามารถอยู่ในคณะงิ้วที่โด่งดังที่สุดของประเทศ โดยในคณะที่เขาอยู่นี้มีสุดยอดงิ้วแห่งยุคอยู่ถึง 8 คน รวมเขาด้วย และแน่นอนว่า รายได้ของหลิวนั้นก็สูงมากเช่นกัน

สิ่งที่เขาสร้างสรรในการแสดงงิ้ว คือ  การเอาลาชื่อ "โมหยู่" ตัวเป็นๆ ขึ้นไปเล่นงิ้วด้วย แต่กว่า ลาตัวนี้จะขึ้นไปเล่นบนเวทีได้ เขาต้องฝึกลาอย่างหนักเพื่อให้มันเชื่องจนลาตัวนี้สามารถเล่นงิ้วได้ และก็มีชื่อเสียงคู่ไปกับเขา โดยเจ้าลา โมหยู่ นี้ ก็ได้รับเกียรติให้ไปเล่นต่อหน้า ซูสีไทเฮามาแล้ว  อีกสิ่งหนึ่งที่หลิวได้รับการชื่นชมคือ ฝีปากและการไม่กลัวใครหน้าไหน ผู้ชมหลายคนถึงกับ ชมชื่นชมหลิวว่า นอกจากหลิวจะมีเสียงที่ดีแล้ว แต่สิ่งที่โดดเด่นที่สุดของเขา และไม่เคยมีใครมี คือ ความกล้าหาญ

ฝีปาก
ตัวตลกมักเสียดสีสังคม หลิว ก่านซาน ก็เช่นกัน เขามักอาศัยการแสดง กระทบกระเทียบเปรียบเปรยสถานการณ์บ้านเมืองเวลานั้นเสมอๆ จนเป็นเรื่องที่ยังเล่าขานกันมาจนทุกวันนี้ ยกตัวอย่าง เช่น

ในคราวที่ถงจื้อฮ่องเต้สวรรคต ราชสำนักประกาศว่าทรงประชวรด้วยโรคฝีดาษ แต่ทั้งเมืองก็ซุบซิบกันว่า น่าจะเป็นเพราะ 梅毒 โรคซิฟิลิส เพราะทรงออกนอกวังมาเที่ยวหอโคมแดง อยู่บ่อยๆ ครั้งหนึ่ง หลิวก่านซาน เล่นงิ้วเรื่อง “ขอพบหมอ” 请医  โดยเขารับบท เป็น หมอต้มตุ๋มชาวบ้าน หลังเสร็จพิธีไว้ทุกข์ถงจื้อฮ่องเต้แล้ว ครั้งหนึ่ง หลิวก็เพิ่มบทพูดเข้าไปว่า

“ไม่เอา ข้าไม่ไปตงหัวเหมิน (ประตูของวังหลวง) ที่นั่นมีเศรษฐีคนหนึ่งไม่สบาย คนใช้ตามข้าไปรักษา ข้าคิดว่าเป็นฝีดาษ เลยให้ยารักษาฝีดาษไป แต่ความจริง แกเป็นซิฟิลิส ก็เลยตายหยังเขียด ถ้าขืนข้าไป ตงหัวเหมินอีก ข้าไม่โดนเหยียบตายเหรอ”

อีกครั้งหนึ่ง  หลิว ก่านซานรับบทเป็นแม่เล้าหอนางโลม ในเรื่อง 思志诚(ความซื่อสัตย์)  ระหว่างกลางเรื่อง องค์ชายตุนหวัง กงหวัง และ ฉุนหวัง เพิ่งเสด็จมาถึงชมงิ้ว แม่เล้าอย่างหลิว ก็ตะโกนเรียก เด็กสาวๆ ให้ออกโรงว่า

“ เจ้าห้า เจ้าหก เจ้าเจ็ด รีบออกมารับแขกเร้วววว”

ด้านล่างต่างหัวเราะครืน เพราะ ตุนหวัง นั้นนับเป็นองค์ชายห้า กงหวัง นับเป็นองค์ชายหก ส่วนฉุนหวัง นับเป็นองค์ชายเจ็ด

อีกครั้งหนึ่ง หลิวกานซาน นั้นต้องไปเล่นต่อหน้า ซูสีไทเฮา เป็นที่รู้กันว่า ความสัมพันธ์ระหว่างพระนางซูสีไทเฮา และกวงซวี่ฮ่องเต้นั้น ไม่ค่อยราบรื่นนัก หลิวก่านซาน ได้แสดงหน้าพระที่นั่งบ่อยๆ แต่เขาไม่พอใจอย่างมาก ที่กวงซีฮ่องเต้นั้น มักจะยืนอยู่ข้างซูสีไทเฮาที่นั่งประทับเป็นสง่า ปล่อยให้ฮ่องเต้กวงซวี่ยืนอยู่ข้างๆ ราวผู้รับใช้  ครั้งหนึ่ง หลิวก่านซาน จึงเพิ่มบทพูดเข้าไปในงิ้วเรื่อง 十八扯 (18 เร่งรีบ) ขณะที่เขาเล่นเป็น อัครมหาเสนาบดี ตัวปลอม เขาก็กล่าวว่า

“อย่ามาจ้องมองข้าด้วยสายตาแบบนี้นะ ถึงข้าจะเป็นฮ่องเต้ตัวปลอมยังมีเก้าอี้ให้นั่ง แต่ฮ่องเต้ตัวจริงสิ แม้คิดจะนั่ง ยังนั่งไม่ได้”

ประโยคนี้แทงใจดำซูสีไทเฮา แต่บันทึกก็ระบุว่า ซูสีไทเฮานั้นหัวเราะครืนเลยทีเดียว และหลังจากนั้น หากเป็นการชมงิ้ว กวงซี่ฮ่องเต้ก็ได้นั่งชมมาโดยตลอด

เขาล้มป่วยเสียชีวิตด้วยวัย 77 ปี

ส่วนในภาพ 13 สุดยอดดาราแห่งยุคนั้น เขาเล่นเป็นหญิงชราในเรื่อง "เยี่ยมครอบครัว" เป็นอีกเรื่องที่สร้างชื่อเสียงให้เขา หลิวเล่นเป็น แม่ชราชาวชนบทที่์ซื่อๆ ต้องการไปเยี่ยมลูกสาวขี้หงุดหงิด  ที่แต่งงานไปอาศัยอยู่บ้านสามีเศรษฐีในเมือง แม่ชราหลิวคนนี้ ก็กังวลว่า ลูกสาวบ้านนอกจะโดนชาวเมืองดูถูก เธอจึงเดินทางเข้าเมืองไปเยี่ยมลูกสาว แน่นอนวา่ เรื่องนี้ต้องโกลาหลสุดๆ

 ได้รับแรงบันดาลใจจาก Facebook ปักกิ่งให้ถึง"แก่น" กับ เกร็ดก็เก่าเกย์ที่เล่าก็แก่

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น