วันอาทิตย์ที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2561

ปริศนาธรรม ไซอิ๋ว ตอนที่ 12 ปีศาจพรายน้ำ (ซัวหงอเจ๋ง)

ปริศนาธรรม ไซอิ๋ว ตอนที่ 12  ปีศาจพรายน้ำ (ซัวหงอเจ๋ง)
ซัวหงอเจ๋ง หรือ จีนกลางว่า ชา อู้จิ้ง (沙悟凈) หรือ ซัวเจ็ง (沙僧)   แปลว่า ทรายผู้บริสุทธิ์ได้ตื่นแล้ว เดิมเป็นขุนนางคอยแหวกม่าน (卷帘大将)ให้ เง็กเซียนฮ่องเต้  ในงานเลี้ยง ซัวเจ๋งไม่ระวัง ทำคนโทแตก เง็กเซียนฮ่องเต้ทรงกริ้ว ขับไล่ซัวเจ๋งไปยังโลก โดยทุกวันจะมีมีด 7 เล่มเหาะมาจากสวรรค์มาแทงที่อกเขา ทำให้เขาต้องหนีลงอยู่ใต้น้ำเพื่อหลบมีดเหล่านี้ ตัวเขาจึงกลายเป็นปีศาจพรายน้ำในแม่น้ำ ลิ้วชัวฮ้อ (流沙河 แปลว่า แม่น้ำทรายไหล) คอยจับผู้คนกินเป็นอาหาร ต่อมาเขาได้พบกับพระถัง จึงได้ติดตามไปไซที โดยมีอาวุธเป็นพลั่วพระธรรม  ด้านหนึ่งเป็นเสี้ยวพระจันทร์ อีกด้านคล้ายพลั่ว ตอนจบเรื่องนี้ เขาได้เป็นพระอรหันต์ร่างทอง (金身羅漢)

ซัวเจ๋งนั้น เชื่อกันว่า มีต้นแบบมาจาก บันทึกของ พระฮุ่ยลี่ 慧立 ลูกศิษย์ของพระถัง ที่ได้บันทึกการเดินทางตามคำบอกเล่าว่า ครั้งหนึ่ง ขณะที่พระถังอยู่กลางทะเลทราย พระถังได้ดื่มน้ำจนหมด หลายวันผ่านไป พระถังก็หมดสติไป และฝันว่ามีชายสูงใหญ่ถือพลอง มาตำหนิเขาว่า การเดินทางครั้งนี้ยิ่งใหญ่มาก แต่ท่านมามัวนอนหลับฝันอยู่ ทันทีที่เขาตื่นมา ตัวเขาก็อยู่บนม้าที่กำลังวิ่งไปหาโอเอซิสในทะเลทราย และ “ทรายไหล” ในทะเลทราย นี่เองที่เป็นชื่อ แม่น้ำที่ซัวเจ๋งอาศัย
(ระหว่างอ่านปริศนาธรรม ช่วยกดดูวิดีโอไปด้วยนะครับ เป็นกำลังใจให้แอดมินด้วยนะครับ)

เนื้อเรื่องในไซอิ๋ว
พระถังและสานุศิษย์ เดินทางต่อมาถึงริมแม่น้ำขวางกว้างไกลมาก พระถังได้อ่านป้ายที่ปักไว้ว่า ลิ้วชัวฮ้อ (แม่น้ำกระแสทรายไหล) กว้าง 800โยชน์  ลึก 3000 เส้น แม้แต่ขนห่านหรือใบไม้ก็ไม่อาจลอยอยู่ได้ นอกจากแม่น้ำจะกว้างมากแล้ว ยังไม่มีเรือข้ามฟากอีกด้วย  เห้งเจียบอกกับพระถังว่า เราเจอปัญหาเข้าแล้ว เพราะข้ากับโป๊ยก่ายสามารถข้ามไปได้ แต่อาจารย์คงยากที่จะข้าม อาจต้องใช้เวลานับแสนปี  ทันใดนั้น ก็มีปีศาจปรากฎตัวขึ้นพร้อมกับห้อยหัวกระโหลก 9 หัว และมือถือไม้พลองวิเศษ เข้าต่อสู้กับโป๊ยก่าย เข้ารับมือและสู้กันอยู่นาน ต่อมาเริ่มเหนื่อย ปีศาจจึงได้หนีลงน้ำไป เห้งเจียนั้นไม่ถนัดสู้ในน้ำ  แต่โป๊ยกาย นั้นสามารถสู้ในน้ำได้ เพราะเขาเป็นอดีตแม่ทัพสวรรค์ที่ดูแลแม่น้ำสวรรค์ จึงได้กระโดดตามลงน้ำไป
เมื่อลงไปในน้ำก็เจอปีศาจ ก็ถามไถ่ ปีศาจก็ตอบว่า เจ้าจำข้าไม่ได้หรือ ข้าหาใช่ปีศาจใดไม่ เดิมข้าได้ศึกษาธรรม จนสำเร็จฌาณสมาธิ ทำให้ตนได้ขึ้นไปอยู่บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เป็นขุนนางคู่กายคอยเปิดม่านราชรถของเง็กเซียนฮ่องเต้ ในงานเลี้ยงผลลูกท้อ ข้าเคราะห์ร้ายทำแก้วคนโทแตก ทำให้เหล่าเทวดาตกใจ เง็กเซียนฮ่องเต้ทรงพิโรธรับสั่งให้ประหารชีวิตข้า ท่านชิดเคียดเซียน ได้กราบทูลลดโทษให้ข้าพเจ้า เหลือการเฆี่ยน 800 ที แล้วให้ลงมาอยู่ในแม่น้ำแห่งนี้ เมื่อข้าหิว ข้าก็จะขึ้นมาจับผู้คนกิน โดยเฉพาะคนตัดไม้ และชาวประมง ที่สำคัญคือ พลองของข้า เป็นพลองวิเศษ ชื่อไต้เจียงกุน ที่เง็กเซียนฮ่องเต้ประทานให้ เจ้าแน่มาจากไหน ถึงลงมาหาเรื่องกับข้า ข้าจะจับทำหมูแช่เกลือ  โป๊ยกายนั้นได้ยินก็โมโห พยายามหลอกล่อให้ปีศาจขึ้นบนมาเจอกับเห้งเจียให้ได้

ฝ่ายหนึ่งเป็นถึงผู้บัญชากองทัพสวรรค์ พร้อมอาวุธที่ได้รับพระราชทานจากเง็กเซียน (แต่เมาแล้วหยอกล้อกับหญิงในงานเลี้ยงลูกท้อ) กับอีกฝ่ายเป็นองค์รักษ์พิทักษ์เง็กเซียนฮ่องเต้ พร้อมกับอาวุธที่ได้รับจากเง็กเียนฮ่องเต้เช่นกัน (แต่เผลอทำคนโทแตกในงานเลี้ยงลูกท้อเช่นกัน)  โป๊ยก่าย นั้นพยายามหลอกล่อ  แต่เกือบหลอกล่อขึ้นมาสำเร็จแต่ เห้งเจีย ใจร้อนรีบกระโดดไปตีปีศาจ  ปีศาจเห็นเข้าจึงรีบกลับลงน้ำไป โป๊ยก่ายโมโหมาก จึงตะโกนน่า ลิงกังเอ้ย เหมาะกับตำแหน่งคนเลี้ยงม้าจริงๆ  แล้วโป๊ยก่าย กับ เห้งเจีย ก็มาวางแผนบนบกได้ความว่า เห้งเจีย จะไปนิมนต์พระกวนอิมให้มาช่วยปราบปีศาจตนนี้

เมื่อไปพบพระกวนอิม เห้งเจียก็เล่าปัญหาให้ พระกวนอิมฟังว่า ตอนนี้คณะเดินทางมาถึงแม่น้ำที่กว้างใหญ่ เรือข้ามฟากก็ไม่มี แถมเจอกับปีศาจน้ำอีก โป๊ยก่าย ก็ไม่สามารถปราบได้ ตัวข้าก็ไม่สามารถลงน้ำไปปราบได้  พระกวนอิม จึงตำหนิว่า “เห้งเจีย ทำไมเจ้าเอาแต่สู้รบ ไม่บอกกล่าวไปว่า คณะจะเดินทางไปไซทีกันเล่า”  เห้งเจีย ตอบกลับว่า “ข้าคิดว่าจะจับปีศาจตนนี้ให้พระอาจารย์ขี่หลังไป ข้าจึงเข้าสู้รบ โดยลืมเล่าเรื่องจะเดินทางไปไซที” พระกวนอิม จึงกล่าวว่า “เดิมที ปีศาจตนนี้เป็นสานุศิษย์ของข้าได้สั่งสอนพระธรรมจนได้เป็นขุนนางสวรรค์ และเมื่อถูกลงโทษ ข้าได้แนะนำไปว่า หากมีผู้แสวงบุญเดินทางไปไซที ให้สวามิภักษ์เป็นศิษย์แล้วร่วมเดินทางไปด้วย

พระกวนอิม อธิบายจบก็เรียก ฮุยไง้  ศิษย์เอก แล้วหยิบลูกน้ำเต้าเพื่อยื่นให้ฮุยไง้ แล้วจงไปเรียก “ซัวหงอเจ๋ง” (ทรายผู้บริสุทธิ์ได้ตื่นแล้ว) ขึ้นมา ว่าบัดนี้ มีผู้จะไปอาราธนาพระไตรปิฎกเดินทางมาถึงแล้ว ให้รีบสวามิภักดิ์ แล้วติดตามไปด้วย และสั่งว่า ให้เอากระโหลก มาพันรอบน้ำเต้านี้ อาศัยข้ามฟากแม่น้ำไป
หลังจากที่ทั้งหมดกลับมา ก็ปฎิบัติตามที่พระกวนอิมได้สั่งแล้ว คณะก็สามารถข้ามแม่น้ำมาได้  เมื่อข้ามมาได้ กระโหลกที่ผูกรอบน้ำเต้าก็หายไป โดยพระถังได้บวชให้กับ ซัวเจ๋ง ด้วยการโกนหัว แล้วทั้งหมด ก็ออกเดินทางต่อ โดย มีซัวเจ๋งมาเป็นศิษย์เพิ่มอีกคน

ปริศนาธรรม
เมื่อจิต (ลิงหิน) ได้ปัญญา(เห้งเจีย)  พระธรรม(พระถัง) และศีล (โป๊ยก่าย) แล้ว  ในตอนเดิมที่ พระอาจารย์โอเซ้า ได้ทำนาย่า เมื่อได้ศิษย์ร่วมเดินทางอีกคน จึงจะสามารถเดินไปนิพพานได้ (ไซที) นั่นคือ ซัวเจ๋ง (สมาธิ)

ปริศนาแรกนั้น คือ ซัวเจ๋ง เดิมอยู่บนสวรรค์ พลั้งเผลอทำคนโทแตก โดนลงโทษด้วยมีดเจ็ดเล่ม และต้องหนีลงน้ำ นั่นคือ การไม่มีสติ ทำให้พลาดพลั้ง และผลกระทบนั้น ย่อมส่งผลมาถึงตัวเองเสมอ  แต่พอรู้ตัว สามารถดำรงสติได้ ก็เข้าใจผลกระทบนั้นและป้องกันผลกระทบมิให้เกิดได้

โดยการจะก้าวผ่าน สมาธิ ไปได้นั้น เห้งเจีย บอกว่า อาจต้องใช้เวลานับแสนปี จึงจะข้ามไปได้ นอกจากนี้ หากเป็น มิจฉาสมาธิ หรือ การนั่งสมาธิแบบเพ่งจิตอกุศล ก็อาจทำให้ยิ่งจมลงเหมือน ทรายที่มีแต่ยิ่งจมลงใต้น้ำมากกว่า  (แม่น้ำนี้ได้ชื่อว่า แม้แต่ขนห่านก็จม) เปรียบเสมือนซัวเจ๋งที่แม้จะนั่งสมาธิ แต่ก็มีแต่จมลง  นอกจากนี้ ทรายไหล ยังเปรียบเสมือน จิตที่ไม่นิ่ง ยังไหลไปมาอยู่ ทำให้ซัวเจ๋งมีแต่จมลง

โดยซัวเจ๋งนั้นบอกว่า ได้กินผู้ผ่านทางนี้มาแล้ว 9 คน และได้นำหัวกะโหลกมาห้อยที่คอ นั่นหมายความว่า ผู้ตั้งใจจะนิพพานหลายคนก็ไม่สามารถผ่านด่านนี้ไปได้ นั่นคือ ผู้แต่งกำลังจะบอกเราว่า  สมาธิระดับที่จะผ่านไปนิพพานได้นั้น ถือเป็นเรื่องที่ยากเอามากๆ หลายคนต้องมาจบชีวิตลงแค่ตรงนี้ ไม่สามารถผ่านไปได้

สมาธิ นั้นคือ การตั้งมั่นแห่งจิต เป็นการฝึกจิตเพื่อให้ตระหนักรู้ตนเอง โดยร่างกายนั้น ยิ่งเคลื่อนไหวจะยิ่งแข็งแกร่ง ต่างจากจิต จิตนั้นยิ่งนิ่งจะยิ่งแข็งแกร่ง เมื่อจิตแข็งแกร่ง จะรู้จักไตร่ตรองในความคิดให้ถูกต้อง และการเพ่งพิจารณานั้นต้องสงัดจากกาม และสงัดจากอกุศลกรรม เพื่อเข้าสู่ปฐมณาณ นั่นคือ เมื่อจิตไม่ฟุ้ง่าน หรือจิตไม่ส่ายไปมา ย่อมสามารถกำจัด ราคะ โมหะ และโทสะ ได้ในที่สุด นั่นคือ สามารถกำจัด มิจฉาสมาธิ ได้

การทำสมาธินั้น ทุกคนควรพยายามทำสมาธิให้อยู่ในชีวิตประจำวัน ตลอดเวลา โดยแบ่งเป็น 3 ระดับ
1. ขณิกสมาธิ  การใช้สมาธิในแต่ละวัน เช่น อ่านหนังสือ ขับรถ
2. อุปจารสมาธิ สมาธิที่แน่วแน่
3. อัปปนาสมาธิ สมาธิที่ไม่หวั่นไหว หมายถึง สมาธิระดับฌานสมาบัติ ปฐมฌาณขึ้นไป

โดยการฝึกสมาธินั้น ในตำราจะมีถึง 40 รูปแบบ (เป็นการเลือกใช้ อุบายกรรมฐาน ที่ขึ้นอยู่กับอุปนิสัย หรือจริต ของแต่ละคน เช่น คนที่รักสวยรักงาม ก็ควรจะเพ่งพิจารณาไปที่ความไม่สวยไม่งาม เป็นต้น  ) หรือเราเรียกว่า สมถกรมฐาน โดย 40 วิธี มีดังนี้

หมวด อนุสสติกรรมฐาน 10 แปลว่า ระลึกถึง
1. พุทธานุสสติกรรมฐาน  ระลึกถึงคุณพระพุทธเจ้าเป็นอารมณ์
2. ธัมมานุสสติกรรมฐาน ระลึกถึงคุณพระธรรมเป็นอารมณ์
3. สังฆานุสสติกรรมฐาน  ระลึกถึงคุณพระสงฆ์เป็นอารมณ์
4. สีลานุสสติกรรมฐาน ระลึกถึงคุณศีลเป็นอารมณ์
5. จาคานุสสติกรรมฐาน ระลึกถึงผลของการบริจาคเป็นอารมณ์
6. เทวตานุสสติเป็นกรรมฐาน ระลึกถึงความดีของเทวดาเป็นอารมณ์
7. มรณานุสสติกรรมฐาน  ระลึกถึงความตายเป็นอารมณ์
8. กายคตานุสสติกรรมฐาน  เหมาะแก่ผู้ที่หนักไปในจาคะจริต
9. อานาปานานุสสติกรรมฐาน เหมาะแก่ผู้ที่หนักไปในโมหะ และวิตกจริต
10. อุปสมานุสสติกรรมฐาน  ระลึกความสุขในพระนิพพานเป็นอารมณ์
หม พรหมิหาร 4
11. เมตตา  คุมอารมณ์ไว้ตลอดวัน  ให้มีความรัก อันเนื่องด้วยความปรารถนาดี
12. กรุณา ความสงสารปรานี
13. มุทิตา   มีจิตชื่นบาน
14. อุเบกขา มีอารมณ์เป็นกลางวางเฉย
หมวดอรูปฌาณ 4 (หากเลือกใช้อุบายกรรมฐานนี้ได้ ควรได้ ฌาณ 4 หรือ จตุตถฌาน ก่อน)
15. อากาสานัญจายตนะ ถือ อากาศเป็นอารมณ์
16. วิญญาณัญจายตนะ กำหนดวิญญาณหาที่สุดมิได้ จนจิตเป็นอุเบกขารมณ์
17. อากิญจัญญายตนะ กำหนดความไม่มีอะไรเลย ไม่ยึดถืออะไร จนจิตตั้งเป็นอุเบกขารมณ์
18. เนวสัญญานาสัญญายตนะ ไม่รับอารมณ์ใด ๆ จนจิตเป็นอุเบกขารมณ์
หมวดอสุภกรรมฐาน 10 (พิจารณา่า ไม่มีอะไรสยงาม ไม่ครยึดมั่นถือมั่น)
19. อุทธุมาตกอสุภ พิจารณาร่างกายเมื่อตายไปก็มีแต่เปื่อยเน่า
20. วินีลกอสุภ  วีนีลกะ (แปล่า สีเขีย) พิจารณาร่างกาย ตายไปก็มีแต่เขีย
21. วิปุพพกอสุภกรรมฐาน  พิจารณา่า ตายไปก็มีแต่น้ำเหลือง
22. วิฉิททกอสุภ  พิจารณา่า ตายไปก็มีแต่สิ่งไม่งาม ไม่ครยึดติด
23. วิกขายิตกอสุภ พิจารณา ่า ตายไปก็มีแต่สัต์มาแย่งกิน
24. วิกขิตตกอสุภ พิจารณา่า ตายไป ร่างกายก็แตกสลายไปคนละส่น
25. หตวิกขิตตกอสุภ พิจารณา่า หากศพถูกสับก็มีแต่ท่อนเล็กท่อนน้อย
26. โลหิตกอสุภ  พิจารณา่า ตายไปก็มีแต่เลือดไหลนอง
27. ปุฬุวกอสุภ พิจารณา่า ตายไปศพก็มีแต่หนอนมาชอนไช
28. อัฏฐิกอสุภ  พิจารณา่า ตายไปก็เหลือแต่กระดูก
หมวดอาหาเรปฏิกูลสัญญา (พิจารณาเพื่อ ลดกิเลส)
29. อาหาเรปฏิกูลสัญญา พิจารณาอาหารเป็นสิ่งโสโครก กินเพื่อบำรุงร่างกาย ไม่ใช่บำรุงกิเลส
หมวดจตุธาตุววัฏฐาน
30. จตุธาตุววัฏฐาน 4  พิจารณา่า สิ่งต่างๆ ประกอบด้ย ธาตุ 4
หมวดกสิน 10 (ถือเป็นอุบายกรรมฐานสำหรับผู้เริ่มต้น)
31. ปฐวีกสิน  เพ่งธาตุดิน
32. อาโปกสิณ  เพ่งธาตุน้ำ
33. เตโชกสิณ  เพ่งไฟ
34. วาโยกสิน  เพ่งลม
35. นีลกสิน เพ่งสีเขียว
36. ปีตกสิน  เพ่งสีเหลือง
37. โลหิตกสิณ  เพ่งสีแดง
38. โอฑาตกสิณ  เพ่งสีขาว
39. อาโลกกสิณ  เพ่งแสงสว่าง
40. อากาศกสิณ  เพ่งอากาศ

ส่วนเรื่องเรือน้ำเต้า นั้นผู้แต่งน่าจะอ้างอิงจากในพระไตรปิฎก ดังนี้
 สมัยพุทธกาลมีพระภิกษุ จำนวน 500 รูปได้เข้าไปเพ่งจิตในป่า  เมื่อฌาณเกิด จึงเชื่อว่าตนเองสำเร็จมรรคผลเป็นพระอรหันต์แล้ว สามารถข่มกิเลสได้ และได้มาทูลกับพระพุทธเจ้า แต่พระพุทธเจ้าได้ตรัสกับพระอานนท์ว่า “พระภิกษุเหล่านี้ยังไม่สำเร็จ โดยให้ไปเพ่งจิตในป่าช้าก่อน ค่อยมาพบเราอีกครั้ง” เมื่อพระเหล่านั้นไปยังป่าช้าก็พบ ซากศพที่ทิ้งไว้ 2 วัน  ศพเหล่านั้นเริ่มขึ้นอึด น่าเกลียด น่ากลัว พระภิกษุก็เข้าใจว่า ตนเองยังละกิเลสไม่ได้ พระพุทธเจ้าจึงตรัสว่า ภิกษุทั้งหลาย การที่เธอทั้งหลายเห็นร่างกระดูกเช่นนั้น ยังความยินดีด้วยอำนาจราคะให้เกิดขึ้น ควรละหรือ ?" ดังนี้แล้ว ตรัสพระคาถานี้ว่า “กระดูกเหล่านี้ที่ทิ้งเกลือนกลาดดุจน้ำเต้าในสารทกาล มีสีเหมือนนกพิราบ ความยินดีอะไรเล่า ? เพราะเห็นกระดูกเหล่านั้น”

นั่นคือในท้ายเรื่อง นั้น คณะเดินทางได้เอา น้ำเต้าของพระกวนอิม มาผูกรอบด้วยหัวกะโหลก เมื่อเดินทางข้ามไปได้ หัวกะโหลกจึงหายไป นั่นคือเพ่งจิตจนกระดูกดุจน้ำเต้า นั่นเปรียบเสมือนได้บรรลุฌาณสมาธิตามที่พระพุทธองค์ได้กล่าวไว้

1 ความคิดเห็น:

  1. Info Media Bomoh Sihir Paling Ampuh
    Kualitas No. (1) Di Malaysia.
    Bomoh sihir Terbaik dan Terpercaya Di Malaysia. Memikat Hati Pria Atau Wanita Mudah Yang Anda Inginkan.
    "BUKTIKAN SEKARANG JUGA SEBELUM KEKASIH ANDA DI AMBIL ORANG LAIN"
    Jika Berminat Silahkan Hub: KYAI ANOM SUROTHO Di: 085-298-569-393

    APA YANG DI MAKSUD DENGAN BOMOH SIHIR PALING AMPUH!!!
    1. Dihiyanati Pasangan
    2. Cinta Di Tolak
    3. Memikat Hati Lawan Jenis
    4. Persaingan Cinta
    5. Membangkitkan Gairah Cinta
    6. Memikat Pasangan Anda Agar Tidak Berpaling Keorang Lain
    7. Membuka Aura Yang Penuh Dengan Daya Pikat Agar Semua Orang Tertarik.
    (KLIK LANGSUNG DI WHAYSAPP)

    APA YANG DI MAKSUD DENGAN BOMOH SIHIR PALING AMPUH!!!
    Bomoh Sihir Ampuh. Adalah Sebuah Sarana Pemikat Hati Pria Atau Wanita Yang Akan
    Membantu Anda Mengcapai Impian Untuk Mendapatkan Jodoh Idaman Anda. Dengan Adanya Media Bomoh Sihir Paling Ampuh Ini Dalam Urusan Asmara Akan Di Permudah Dan Lancar. Kini Saatnya Anda Mulai Hidup Baru Dengan Cinta.

    MANFAAT ILMU BOMOH SIHIR PALING AMPUH DI MALAYSIA!!!
    Jika Anda Sudah Bosan Jomlo. Sekarang Saatnya Anda Bangkit Dan Maju Kedepan Untuk Mendapatkan Jodoh.
    Anda Bersama Ilmu Bomoh Sihir Paling Ampuh Di Malaysia. Dengan Menggunakan Ilmu Bomoh Sihir Pengasihan Yang Ada Di Website Ini Maka Atas Izin Allah S.W.T. Anda Bisa Langsung Mendapatkan Pria Atau Wanita Idaman Anda Melaui Perantaran Media Ilmu Bomoh Sihir Pengasihan Pemikat Pria Atau Wanita.

    INILAH MEDIA ILMU BOMOH SIHIR SUDAH TERBUKTI PALING AMPUH!!!
    Sudah Banya Orang Yang Membuktikan
    Keberhasilannya Dalam Mendapatkan Jodoh.
    Memikat Hati Orang lain. Menundukan Atasan. Mengembalikan Kekasih Yang Di Rebut Orang Lain. Dengan Menggunakan Media Ilmu Bomoh Sihir Paling Ampuh Yang Di Website Ini
    Niscaya Apapun Keinginan Anda Akan
    Terwujud Silahkan Anda Buktikan Sendiri.

    PERSYARTAN
    Nama Lengkap Dan Gambar Anda
    Nama Lengkap Dan Gambar Target
    Sudah Ribuan Klien Yang Kami Telah Berhasil Dengan Ilmu Bomoh Sihir Pemikat Pria Atau Wanita. Ilmu Pelet Puter Giling. Ilmu Pelet Pengasihan Sukma Atau Ilmu Pelet Pengasihan Pemikat Pasangan. Kini Giliran Anda. Dan Masalah Anda Akan Dapat Dan Terselesaikan Dengan Baik!!!

    ตอบลบ