วันพฤหัสบดีที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2563

จีน(BC256-BC195) - ฮั่นเกาจู่ ปฐมกษัตริย์ แห่ง ราชวงศ์ฮั่น

ฮั่นเกาจู่ (จีนกลาง ) หรือ ฮั่นโกโจ (ฮกเกี้ยน) ( 汉高祖 ฺBC 256 – BC195)  หรือ  หลิว ปัง (刘邦)

จักรพรรดิองค์ปฐมของราชวงศ์ฮั่นตะวันตก (ปีค.ศ.220ก่อนคริสต์ศักราช)เป็นจักรพรรดิผู้มีกำเนิดจากสามัญชนและด้อยการศึกษา หนึ่งในสององค์ในประวัติศาสตร์จีน

ที่มา
หลิวปัง เกิดในอำเภอเพ่ยเสี้ยน (ปัจจุบันอยู่ในภาคเหนือของ มณฑลเจียงซู) เป็นลูกชาวนาธรรมดาที่มีฐานะยากจน บันทึกสมัยหลังระบุว่า หลิว ปัง เป็นคนโผงผางมุทะลุ แต่มีเสน่ห์ น้ำใจงาม ความอดทนเป็นเลิศ แต่มักเที่ยวเตร่ไปวัน ๆ ไปสนใจอ่านหนังสือ ไม่ชอบทำไร่ไถนา ไม่พอใจในการใช้แรงงาน และมักวิวาทกับเจ้าหน้าที่บ้านเมือง พ่อเขาจึงเรียกเขาว่า "นักเลงตัวน้อย" โดยมีเพื่อนซี้ ชื่อ ฝ่านไคว้ ร่วมจมหัวจมท้ายด้วยกันตั้งแต่วัยรุ่น

ต่อมาหลิว ปัง เข้ารับราชการ เป็นข้าราชการชั้นผู้น้อย แต่ได้เป็นถึง มือปราบโจรผู้ร้าย และ นายด่าน ในสมัยของราชวงศ์ฉิน แห่งรัฐฉู่ (楚国) ที่ตอนนั้นถูก ราชวงศ์ฉินยึดครองแล้ว ต่อมา หลิวปัง ถูกย้ายให้ไปคุม นักโทษ เพื่อไปสร้าง สุสานหลวง แต่หลิวปัง ผู้มีน้ำใจ กลับปล่อยตัวนักโทษ ก่อนที่เขาจะหลบหนีไป

เมื่อ จิ๋นซีฮ่องเต้ ปฐมกษัตริย์ราชวงศ์ฉิน สิ้นพระชนม์ลง ในปี 209 ก่อนคริสตกาล ทำให้บ้านเมืองตกอยู่ในความวุ่นวายทางการเมือง เกิดกบฎหลายกลุ่ม  หลิว ปัง รวบรวมสมัครพรรคพวกเข้าร่วมกบฏต่อต้านราชวงศ์ฉิน เข้ายึดเพ่ยเสี้ยน ต่อมานำกองทัพบุกยึด เสี่ยนหยาง เมืองหลวงของรัฐฉินได้สำเร็จ  จนสามารถบีบให้ จื่ออิง (子嬰) ฮ่องเต้ องค์สุดท้ายของราชวงศ์ฉิน ยอมจำนนได้เมื่อ 206 ปีก่อนคริสตกาล แต่เกิดเหตุการณ์งานเลี้ยงที่หงเหมิน ทำให้หลิวปังนั้นพลาดที่จะขึ้นเป็น ฮ่องเต้ ในครั้งนั้น

เมื่อสิ้นราชวงศ์ฉินแล้ว  เซี่ยง อฺวี่ (項羽) หรือฌ้อป้าอ๋อง ผู้นำกบฏอีกกลุ่ม แบ่งดินแดนฉินออกเป็นสิบแปดส่วน ให้หลิว ปัง เป็น "ราชาแห่งฮั่น" (漢王) ไปครองแคว้น ปาฉู่ (巴蜀) อันห่างไกลและกันดาร หลิว ปัง จึงนำทัพต่อต้าน เซี่ยง อฺวี่ และสามารถยึดได้ 3 แคว้น (三秦)  นำไปสู่สงครามที่เรียกว่า "สงครามฉู่–ฮั่น" (楚漢戰爭) เป็นเวลา 4 ปี

ในปี 202 ก่อนคริสตกาล  หลังเกิดยุทธการไกเซี่ย (垓下之戰) หลิวปัง นำกำลัง 3 แสนนาย ปิดล้อมกองทัพของเซี่ยวอวี่ ทำให้เซี่ยวอวี่จนมุม จำต้องฆ่าตัวตาย ในที่สุดหลิวปังได้รับชัยชนะเบ็ดเสร็จและ สถาปนาราชวงศ์ฮั่นขึ้นที่มณฑลซานตุงใน ในปีนั้นเอง

ปกครองบ้านเมือง
หลิวปังเป็นนักการเมืองและนักปกครองชั้นยอด เนื่องจากเคย เป็นลูกชาวนาผู้ต่ำต้อย หลิวปังจึงมีความเห็นอกเห็นใจและ เข้าใจในทุกข์สุขของประชาชนทั่วไป   โดยในแง่การทหาร  หลิวปัง ที่ออกรบกับเซี่ยงอวี่ หลิวปังมักจะแพ้มากกว่าชนะ  แต่ในแง่การเมืองแล้ว  หลิวปังชนะใจประชาชน รวมทั้งทหารหลวงของจักรพรรดิราชวงศ์ฉินด้วย และในที่สุด เขาก็ได้รับชัยชนะโดยสมบูรณ์

เมื่อหลิวปังสถาปนาราชวงศ์ซีฮั่น(ฮั่นตะวันตก)แล้วก็ได้ใช้มาตรการต่างๆ ในการฟื้นฟูเศรษฐกิจและทำการผลิต เนื่องจากสงครามได้ยืดเยื้อเป็นเวลาหลายปีจนทำให้จำนวนประชากรลดน้อยลง   ตามที่ลู่เจี่ยทูลเสนอ หลิวปังดำเนินนโยบายนุ่มนวลกว่าสมัยราชวงศ์ฉิน ปลดระวาง ทหารให้กลับบ้านเพื่อทำไร่ไถนา ยกเว้น การเกณฑ์แรงงาน (หมายถึงการที่ชนชั้นปกครองในสมัยโบราณบีบบังคับเกณฑ์ ประชาชนมาทำงานให้โดยไม่มีค่าตอบแทน) เป็นเวลาหลายปีเพื่อจะสามารถทำการเพาะปลูกให้ได้ผล อนุญาตให้บรรดาผู้ลี้ภัยสงคราม กลับคืนสู่ถิ่นฐานของตน โดยคืนบ้านและที่ดินให้ตามเดิม ให้อิสรภาพแก่ผู้ที่ต้องขายตัวเป็นทาสเพื่อจะได้ไม่อดตายและลดภาษีที่ดินลง

ทางด้านปัญหาการปกครองอาณาจักรนั้น  ในชั้นต้น  หลิวปังใช้การปกครองที่ผสมผสานกันระหว่างการรวมศูนย์อำนาจไว้ที่อำนาจส่วนกลางซึ่งองค์จักรพรรดิฉินซีฮ่องเต้เคยใช้กับการกระจาย อำนาจโดยแต่งตั้งขุนพลที่มีความดีความชอบเป็นพิเศษในสงคราม และเชื้อพระวงศ์สำคัญๆให้เป็นเจ้าหรือหวางไปครองเมืองโดยมีอำนาจ ปกครองดินแดนเขตแคว้น ศักดินาหรือเรียกว่า”ฟงกั๋ว”เวลาต่อมา หลิวปังเริ่มกำจัดพวก”หวาง”ที่ไม่ใช่เชื้อพระวงศ์ไปหมดและแต่ง ตั้ง”หวาง”ขึ้นใหม่9องค์ด้วยกัน ล้วนเป็นเชื้อพระวงศ์แซ่หลิวทั้งสิ้น

พวกซ่งหนู
ชนกลุ่มเร่ร่อน ไม่ทำการเกษตรทางเหนือ ชื่อ ”ซงหนู”(匈奴) ที่ เก่งกาจในการรบบนหลังม้า แม้ยุคฉินจะสร้างกำแพงเมืองจีน เพื่อป้องกันชาวซงหนูไว้แล้ว แต่เมื่อสิ้นราชวงศ์ฉิน ชาวซ่งหนู ต่างก็ถือโอกาสบุกรุกลงมาทางใต้ เพื่อปล้นสดมถ์สิ่งของเท่านั้น โดยไม่สนใจพื้นที่ของราชวงศ์ฮั่น 

ในปี 200 ปีก่อนคริสศักราช  หลิว ปังได้ยกทัพไปปราบปรามด้วยตนเอง แต่ตอนนั้น พวกซงหนู จากพวกเร่ร่อนรวมตัวกันเป็นสหพันธรัฐเรียบร้อยแล้วทำให้ หลิวปัง ถูกทหารม้าจำนวน 3 แสนนายของพวก”ซงหนู”โอบล้อมอยู่ถึงเจ็ดวันเจ็ดคืนที่ไป๋เติง (ทางตะวันออกเฉียงเหนือของมณฑลซานซี) หลังจากเอาตัวรอดมาได้ อย่างหวุดหวิด  หลิว ปัง ก็เริ่มใช้นโยบายปรองดองกับพวก”ซงหนู” ขึ้นและเปิดตลาดชายแดนระหว่างฮั่น กับ พวก ซงหนู ขึ้น เพื่อผ่อนคลาย ความสัมพันธ์อันตึงเครียดของสองฝ่าย

นอกจากนี้ ยังยกองค์หญิงให้แต่งงานกับ ผู้นำของซ่งหนู แถมยังคอยส่งเครื่องใช้ให้ใช้ เพื่อแลกกับการไม่รุกรานดินแดนแทน

ศึกษาจุดด้อย
หลิวปังในวัยหนุ่มเป็นผู้ที่ไม่มีพิธีรีตองและดูหมิ่นสำนักปรัชญาขงจื้อ  เมื่อตั้งตนเป็นจักรพรรดิแล้ว  พระองค์ทรงเห็นว่า  ตนเองได้พิชิตอาณาจักรมาได้ด้วยการรบบนหลังม้า  จึงเห็นว่า  หนังสือของสำนักปรัชญาขงจื้อไร้ประโยชน์ ลู่เจี่ยเสนาบดีจึงทูล ว่า”อาณาจักรนั้น สามารถพิชิตได้  แต่จะปกครองบนหลังม้าไม่ได้” หลิวปังจึงสั่งให้ลู่เจี่ยแต่งหนังสือ เพื่อสืบหาความผิดพลาดและความ ล้มเหลวของจักรพรรดิราชวงศ์ฉินที่ยังผลให้ราชวงศ์ฉินต้องถูกโค่นล้มในที่สุด เพื่อให้คนรุ่นหลังถือเป็น อุทาหรณ์และรับเป็นบทเรียน

หลิวปังตั้งตนเป็นจักรพรรดิในปี ฺBC202 และย้ายเมืองหลวงจากเสียนหยางไปยังเมืองฉางอาน แต่ศักราชของราชวงศ์ฮั่น เริ่มนับตั้งแต่หลิวปังได้รับแต่งตั้งเป็น”ฮั่นหวาง” ระหว่างนั้นเอง เขาเริ่มกำจัดเจ้าเมือง หรือหวางต่างๆ ที่ไม่ใช่เชื้อราชวงศ์ แม้จะเคยเป็นเพื่อนร่วมรบกันมาก็ตาม และแต่งตั้งเชื้อพระวงศ์ให้ขึ้นเป็น เจ้าเมืองแทน

 ในปีที่206ก่อนคริสต์ศักราช หลังจากจักรพรรดิหลิวปังสิ้นสวรรคตและจักรพรรดิราชวงศ์ฮั่นในภายหลังได้ถวายพระนามในฐานะปฐมจักรพรรดิของราชวงศ์ฮั่นว่า “ฮั่นเกาจู่”

หลิวปังยกทัพไปปราบปรามกลุ่มกบฏของอิงปู้ ถูกเกาทัณฑ์ยิงจน ประชวรหนักและสวรรคต ในปี ฺBC195

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น