ฮ่องเต้ ย่งเจิ้ง 雍正 หรือ องค์ชาย 4 โอรสของฮ่องเต้ คังซี คลิปก่อน เราเล่าเรื่องที่ ฮ่องเต้ย่งเจิ้ง เผาวัดเส้าหลินไปแล้ว เหตุผลหลักๆ เลยคือ ฮ่องเต้ หย่งเจิ้ง นั้นเป็นคนขี้ระแวงมาก และเป็นคนที่กลัวกบฎเป็นที่สุด โดย ฮ่องเต้ย่งเจิ้ง นั้นมีการก่อตั้งหน่วยสืบราชการลับขึ้นตรงต่อฮ่องเต้ และจะส่งสายลับไปทั่วเพื่อให้คอยรายงานฮ่องเต้โดยตรง โดยเน้นไปที่การรายงานการก่อกบฎ และใช้ตรวจสอบทุจริต โดยเฉพาะเหล่าขุนนางขั้นผู้ใหญ่ที่คอยยักยอกภาษี ที่ต้องส่งเข้าสู่ส่วนกลาง แต่ความลับที่แท้จริงคือ ใช้ปราบพวกกบฎแม้แต่พี่น้องที่คิดจะก่อกบฎก็ตาม
นิยายที่โหดร้าย
ฮ่องเต้ ย่งเจิ้ง ในนิยายนั้น มักจะวาดภาพให้เขาเป็นคนโหดร้ายโดยเฉพาะละครซีรียส์เรื่อง ศึกสายเลือกที่ องค์ชายสี่ คนนี้ได้ฉายาว่า จักรพรรดิบังลังก์เลือด เพราะ ไม่ว่าจะเรื่อง ฆ่าฮ่องเต้คังซี ผู้เป็นบิดา วางยาพิษพี่ชาย ฆ่าน้อง และ ปลอมราชโองการจากองค์ชาย 14 ให้กลายมาเป็นองค์ชาย 4 ขณะเดียกัน ยังสั่งประหาร ขุนศึกที่ช่วยอุ้มชูขึ้นสู่บังลังก์อีกด้วย คือ เหนียนเกิงเหย้า ที่น้องสาวของเหยียนเกิงเหยายังเป็นนางสนมของหย่งเจิ้งอีกด้วย ขณะที่เมื่อขึ้นเป็นฮ่งเต้ ก็ยังกดดันให้พี่น้องฆ่าตัวตายอีกด้วย
แต่ ความเป็นจริงแล้ว เราจะดูไปทีละข้อดังนี้
สิ่งแรกคือ ฮ่องเต้คังซี นั้น นักประวัติศาสตร์ เชื่อว่า ฮ่องเต้ คังซีสรรคต เพราะแก่ชรามากแล้ว มากกว่า เพราะตอนนั้น ฮ่องเต้ คังซี เองก็อายุถึง 68 ปีแล้ว ขณะที่เรื่องการปลอมราชโองการ นั้นไม่สามารถทำได้ง่าย ๆ แน่ เพราะราชโองการนั้นมี 2 ฉบับคือ ภาษาจีน และภาษาแมนจู ซึ่งภาษาจีนนั้นอาจเป็นไปได้ แต่ภาษาแมนจู นั้นยากที่จะปลอมแปลงได้
เรื่องการชิงบังลังก์ ก็อธิบายดังนี้ ขณะที่ก่อนหน้านี้ องค์ชายใหญ่ และองค์ชาย 2 โดนข้อหาทำกุลไสย ทำให้โดนปลดยศลงไปก่อนแล้ว ขณะที่องค์ชาย 3 4 5 ก็เป็นอ๋อง ระดับ หมวกเหล็ก โดยฮ่องเต้คังซี เองก็ ได้ลดบทบาทองค์ชายคนอื่นไปก่อนหน้าแล้ว โดยเฉพาะองค์ชาย 8 9 และ 10 ที่ถูกกักบริเวณ ขณะที่องค์ชาย 13 ถูกคุมขังอยู่แล้ว
ส่วนการไล่ฆ่า พี่น้อง นั้น ส่วนใหญ่แล้ว จะเป็นเรื่อง ที่ฮ่องเต้ย่งเจิ้งนั้น จับได้ว่า มีการทุจริต คอรัปชั่น หรือ ก่อกบฎ เนื่องจากเหล่าพี่น้องต่างก็เป็นระดับอ๋อง ที่คอยเก็บภาษีมาส่งส่วนกลางทั้งสิ้น แต่เงินภาษีกลับไม่เข้าส่วนกลาง ทำให้ ฮ่องเต้ย่งเจิ้งนั้น ต้องลงโทษถึงขั้นประหารชีวิต หรือ บีบบังคับให้ฆ่าตัวตาย
อีกเรื่องคือ การประหารแม่ทัพ นั่นคือ เหนียนเกิงเหย้า นั้น เป็นแม่ทัพที่ใช้เงินสุรุ่ยสุร่าย ฮ่องเต้ ย่งเจิ้นนั้น เป็นคนที่เน้นเรื่องการคลังมาก โดยตอนแรกได้ส่งคนไปตักเตือนและ ควบคุม เท่านั้น แต่คนที่ส่งไปกลับโดนฆ่าตาย ทำให้ฮอ่งเต้ย่งเจิ้น นั้นตัดสินใจ ลดยศของเหนียนเกินเหย้า ลง แต่เหนียนเกินเหย้า ก็ยังคงยโสโอหัง และเชื่อว่า ตนคือผู้อุ้มชูฮ่องเต้ และน้องสาวยังเป็นพระสนมของหย่งเจิ้งฮ่องเต้อีกด้วย จนในที่สุดก็ ฮ่องเต้หย่งเจิ้ง ก็พระราชทานยาพิษให้ดื่ม
ทำงานหนัก
ข้อดี ของ ฮ่องเต้ ย่งเจิ้ง คือ การลดงบประมาณด้านทหารลงอย่างหนั และหันไปเน้นการเจรจากับประเทศที่เป็นศัตรูแทน ซึ่งทำให้ท้องพระคลังยุคนั้น ถือเป็นยุคที่มีเงินมากที่สุด โดยปกติ ย่งเจิ้ง ก่อนขึ้นเป็นฮ่องเต้ จะอยู่ที่ ราชวังหยวนหมิงหยวน 圆明园 คือ วังเดียวกับที่ต่อมา ถูกพันธมิตรต่างชาติ เผาทำลายไปนั่นเอง แม้ว่า หย่งเจิ้งจะเป็นคนที่เข้มงวดเรื่องภาษี แต่แกเน้นประสิทธิภาพอย่างมาก ดูได้จากหย่งเจิ้งนั้น ประกาศลดภาษีส่วนบุคคลลง เหลือเพียงภาษีที่ดินเท่านั้น ทำให้ประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นด้วย
โดยข้อที่เด่นที่สุด ของ ฮ่องเต้ หย่งเจิ้ง คือ เป็นฮ่องเต้ที่ทำงานหนัก โดยฮ่องเต้หย่งเจิ้งนั้น เริ่มต้นทำงานทุกวันในเวลา ตีห้า โดยฮ่องเต้หย่งเจิ้งนั้น จะหยุดทำงานแค่ วันเกิดตัวเองเท่านั้น แต่แล้วอยู่ดีๆ วันที่ 23 สิงหาคม ปี ค.ศ. 1735 ฮ่องเต้ ย่งเจิ้ง ก็เสด็จสวรรคต ด้วยวัยเพียง 56 ปี แม้ในบันทึกจะระบุว่า ป่วยหนัก ก็ตาม แต่ก็มีข่าวลือว่า ฮ่องเต้ย่งเจิ้งถูกลอบปลงพระชนม์ และถูกตัดหัว โดยคาดว่า ฆาตกรน่าจะเป็น จอมยุทธ์หญิง หลี่ื่ซื่อเหนี่ยง (吕四娘)
หลี่ซื่อเหนียง
ประวัติของหลี่ซื่อเหนียงนั้นมีไม่มากนัก โดยเริ่มจาก ปู่ของเธอคือ หลี่ หลิวเหลียง 吕留良 เป็นปัญญาชนชาวฮั่น ที่เขียนหนังสือ และเปิดโรงพิมพ์เพื่อพิมพ์เอกสารต่อต้านราชงศ์ชิง โดยเฉพาะ งานวิจารณ์ การแบ่งชนชั้นชาวจีน กับ ชนเผ่าต่างๆ ในราชวงศ์ชิง โดยยุคนั้น คือ ชาวแมนจู ชาวนอกเมือง ชาวฮั่นเหนือ และสุดท้ายคือชาวฮั่นใต้
แน่นอนว่า เนื้อหาที่แท้จริง คือการปลุกระดม ต่อต้านชิง กู้หมิง นั่นเอง และสิ่งนี้เองที่หมิ่นเหม่ต่อการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ โดยหลี่ หลิวเหลียง นั้นมีลูก 7 คน คนโตคือ หลี่เป่าจง ที่ฉลาดขนาดสอบได้ตำแหน่ง ปั้งงัง หรือ บัณฑิตหน้าพระที่นั่งอันดับสอง เป็นรองเพียงตำแหน่ง จอหงวน เท่านั้น ทำให้ หลี่เป่าจง ต้องทำงานที่เมืองหลวง
เมื่อฮ่องเต้ย่งเจิ่ง ได้อ่านบทความของ หลี่ หลิว เหนียง ก็โกรธจัด และออกเอกสาร 'ต้าอี้เจี๋ยมี๋ลู่' ขึ้นมาเพื่อโต้แย้งทฤษฎีการแบ่งชนชั้น และสั่งให้เผยแพร่ไปให้ทั่วประเทศ นอกจากนี้ เพื่อเป็นการเชือดไก่ให้ลิงดู หย่งเจิ้ง ก็ให้ขุดศพหลี่หลิวเหลียงที่ตายไปนานแล้วขึ้นมาสับเป็นชิ้นๆ รวมถึง สั่งประหารคนในครอบครัวอีกด้วย
นั่นคือ โทษประหารทั้งตระกูลนั่นเอง ส่งผลให้หลี่เป่าจง ลูกชายนั้นแม้ว่าจะรับราชการก็โดนโทษประหารไปด้วย แต่ข่าวสารยุคนั้น กว่าไปถึงภรรยา ก็ล่าช้าเกินไป เพราะขณะนั้น ภรรยาของ หลี่เป่าจง ได้พาลูกสาว คือ หลี่ซื่อเหนียง เข้ามาที่ เมืองหลวง เพื่อมาเยี่ยม หลี่เป่าจง แต่หลี่เป่าจง กลับถูกประหารชีวิตไปแล้ว
แต่โชคดี ทั้งคู่ได้มาพบกับ ลูกน้องเก่าของ หลี่เป่าจง ก่อน จึงได้เล่าเหตุการณ์ต่างๆ ให้ฟังว่า ฮ่องเต้ย่งเจิ้ง นั้น ตอบโต้ บทวิจารณ์ของ หลี่หลิวเหลียง แถมยังสั่งให้ขุดศพขึ้นมา เฆี่ยนให้ชาวบ้านดู นอกจากนี้ เหล่าศิษย์ หรือ ใครที่ยังครอบครอง สิ่งพิมพ์ของหลี่หลิวเหลียง ก็จะต้องโทษประหาร อีกด้วย
จากนั้น ลูกน้องเก่าจึงรีบพาแม่ลูกคู่นี้ไปหา หงตู้ ฉายา ปัญญาชนเร้นกาย ที่เป็นอดีตแม่ทัพสมัยฮ่องเต้คังซี แต่ลาออกมาใช้ชีวิตอย่างสงบ เพื่อให้ช่วยดูแล แม่ลูกคู่นี้ แต่ หงตู้ นั้นต้องฝึกวิชายุทธ์ทุกเช้า หลี่์่ซื่อเหนียง จึงแอบฝึกตาม เมื่อ หงตู้ รู้ จึงรับ หลี่์ซื่อเหนียง เป็นศิษย์ โดยหงตู้ได้พา ไปพบกับแม่ชี อู้อิน อดีตองค์หญิงฉงเจิน ธิดาของฮ่องเต้ราชงศ์หมิง ที่นี่เอง หลี่์ซื่อเหนียง ยังได้ ฝึกวิชากระบี่บู๊ตึ้ง และวิชาตัวเบา
โดยตำนานเล่าว่า เธอลอบเข้าไปในวัง จับนางสนม ชื่อ ฮุ่ยเชี่ยน แล้วใช้ผ้าคลุมตัวไว้ ปลอมตัวเป็นฮุ่ยเชี่ยน เพื่อเข้าไปพบฮ่องเต้ย่งเจิ้น เมื่อสบโอกาสก็ชักกระบี่ตัดหัว ฮ่องเต้ย่งเจิ้ง แล้วลอบเอาหัวของฮ่องเต้ย่งเจิ้งออกมานอกวัง โดยมีข่าวลือว่า ในพิธีฝังพระศพนั้น ฮ่องเต้ย่งเจิ้ง ต้องใช้ศีรษะทองคำแทนหัวที่หายไปอีกด้วย
มาถึงตรงนี้ ฟังดูแล้ว เหมือนนิยายกำลังภายใน แต่ในทางประวัติศาสตร์ กลับมีหลักฐานยืนยันตัวตนของ หลี่ซื่อเหนียง อีกด้วย นั่นคือ บันทึกทำเนียบศิษย์บู๊ตึ้ง สายตัน ที่มีชื่อ หลีซื่อเหนียง อยู่จริงๆ นั่นคือ เธอมีตัวตนจริง และเป็นศิษย์บู๊ตึ้งจริงๆ
แต่หากมานับอายุกันแล้ว ในปีที่ฮ่องเต้ย่งเจิ้งสวรรคต นั้นคือ ปี ค.ศ. 1735 นั้น หลี่ซื่อเหนียง เอง กลับมีอายุเพียงแค่ 13 ปีเท่านั้น ดังนั้นไม่น่าเป็นไปได้ที่ เด็กหญิงอายุ 13 ขวบ จะลอบเข้าวังไปฆ่าฮ่องเต้ได้ ดังนั้นเรามาดูเรื่องที่นักประวัติศาสตร์คาดคะเนเรื่องจริงกัน
ปริศนาการสรรคตของ หย่งเจิ้ง
ฮ่องเต้ ย่งเจิ้ง นั้นเป็นคนที่ทรงงานหนัก ทำให้ร่างกายอ่อนแอ แต่แล้ว ได้รู้จักกับนักพรต เจี่ยซื่อฟาง 贾士芳 เมื่อได้ยาจากนักพรต อาการป่วยก็หายป่วยทันที นับแต่นั้นมา ฮ่องเต้ย่งเจิ้ง ก็ได้รับยาปรุงจากนักพรต มาเสวย ทุกวัน นักประวัติศาสตร์ค้นพบหลักฐานชัดเจนว่า ทางวังมีการสั่ง สารเคมีเข้ามาปรุงยาจำนวนมาก รวมไปถึง สารตะกั่วดำ นอกจากนี้ อีกหลักฐานหนึ่งก็คือ ในคืนวันที่ฮ่องเต้หยงเจิ้ง จะสวรรคต นั้นก็มีหลักฐานว่า คืนนั้นเองได้มีการลงนามแต่งตั้ง องค์ชาย หงลี่ ขึ้นเป็นองค์รัชทายาท ที่ต่อมาก็คือ ฮ่องเต้ เฉียนหลง นั่นเอง โดยหลังจาก ฮ่องเต้เฉียนหลงขึ้นนั่งบังลังค์แล้ว ก็ทรงไล่เหล่านักพรตออกจากวังทั้งหมด
นั่นคือ ตำนาน หลี่ซื่อเหนียง นั้น ตัวหลี่ซื่อเหนียงน่าจะมีตัวตนจริง แต่ตำนานฮ่องเต้หยงเจิ้งตายแบบไร้หัวนั้น เป็นแค่ตำนานอย่างแน่นอน
สิ่งที่อยากอธิบายตรงนี้ก็คือ ประวัติศาสตร์จีนนั้น คนจีนมักจะแยกเป็น 2 อย่าง คือประวัติศาสตร์แบบทั่วไป คือประวัติศาสตร์ที่ได้รับการตรวจสอบเรียบร้อยแล้ว อีกประเภทหนึ่ง ก็คือ ประวัติศาสตร์เถื่อน คือมักเป็นเรื่องเล่าขานของชาวบ้าน โดยในช่องนี้ ผมจะเรียกพวกนี้ว่า เป็นตำนาน เน้นอีกครั้ง แม้จะเป็นช่องผมจะเป็นแชนแนลประวัติศาสตร์ แต่ถ้าผมใช้คำว่า ตำนาน นั่นคือ มันน่าจะเป็นเรื่องแต่งเติมจากประวัติศาสตร์นะครับ หากมีผู้มาคอมเม้นท์ว่า ช่องนี้มั่ว ข้าน้อยขอแจ้งอีกครั้งนะครับว่า ผมระบุไปแล้วนะครับว่า นี่คือตำนาน ที่สำคัญกว่าก็คือ ตำนานเรื่องเดียวกัน ก็ยังไม่ตรงกันเลย อย่างครั้งนี้ บางตำนานว่า หลี่หนีวเหลียงเป็นพ่อหลี่ซื่อเหนียง แต่ บางตำนานว่า หลี่หนิวเหลียงเป็นปู่ของหลี่ซื่อเหนียง สิ่งนี้เองครับที่ ทำให้คนที่อาจรู้เรื่องราวตำนานด้านเดียว ก็คิดว่า ตัวเองนั้นรู้เรื่องตำนานเหล่านี้ดีแล้ว แต่ความจริง ตำนานตัวมันเองก็ยังมีหลายเวอร์ชั่นเลยครับ
ครับถ้าชอบคลิปนี้อย่าลืมกดไลท์กดแชร์กด ซับให้ด้วยนะครับ
เรื่องการชิงบังลังก์ ก็อธิบายดังนี้ ขณะที่ก่อนหน้านี้ องค์ชายใหญ่ และองค์ชาย 2 โดนข้อหาทำกุลไสย ทำให้โดนปลดยศลงไปก่อนแล้ว ขณะที่องค์ชาย 3 4 5 ก็เป็นอ๋อง ระดับ หมวกเหล็ก โดยฮ่องเต้คังซี เองก็ ได้ลดบทบาทองค์ชายคนอื่นไปก่อนหน้าแล้ว โดยเฉพาะองค์ชาย 8 9 และ 10 ที่ถูกกักบริเวณ ขณะที่องค์ชาย 13 ถูกคุมขังอยู่แล้ว
ส่วนการไล่ฆ่า พี่น้อง นั้น ส่วนใหญ่แล้ว จะเป็นเรื่อง ที่ฮ่องเต้ย่งเจิ้งนั้น จับได้ว่า มีการทุจริต คอรัปชั่น หรือ ก่อกบฎ เนื่องจากเหล่าพี่น้องต่างก็เป็นระดับอ๋อง ที่คอยเก็บภาษีมาส่งส่วนกลางทั้งสิ้น แต่เงินภาษีกลับไม่เข้าส่วนกลาง ทำให้ ฮ่องเต้ย่งเจิ้งนั้น ต้องลงโทษถึงขั้นประหารชีวิต หรือ บีบบังคับให้ฆ่าตัวตาย
อีกเรื่องคือ การประหารแม่ทัพ นั่นคือ เหนียนเกิงเหย้า นั้น เป็นแม่ทัพที่ใช้เงินสุรุ่ยสุร่าย ฮ่องเต้ ย่งเจิ้นนั้น เป็นคนที่เน้นเรื่องการคลังมาก โดยตอนแรกได้ส่งคนไปตักเตือนและ ควบคุม เท่านั้น แต่คนที่ส่งไปกลับโดนฆ่าตาย ทำให้ฮอ่งเต้ย่งเจิ้น นั้นตัดสินใจ ลดยศของเหนียนเกินเหย้า ลง แต่เหนียนเกินเหย้า ก็ยังคงยโสโอหัง และเชื่อว่า ตนคือผู้อุ้มชูฮ่องเต้ และน้องสาวยังเป็นพระสนมของหย่งเจิ้งฮ่องเต้อีกด้วย จนในที่สุดก็ ฮ่องเต้หย่งเจิ้ง ก็พระราชทานยาพิษให้ดื่ม
ทำงานหนัก
ข้อดี ของ ฮ่องเต้ ย่งเจิ้ง คือ การลดงบประมาณด้านทหารลงอย่างหนั และหันไปเน้นการเจรจากับประเทศที่เป็นศัตรูแทน ซึ่งทำให้ท้องพระคลังยุคนั้น ถือเป็นยุคที่มีเงินมากที่สุด โดยปกติ ย่งเจิ้ง ก่อนขึ้นเป็นฮ่องเต้ จะอยู่ที่ ราชวังหยวนหมิงหยวน 圆明园 คือ วังเดียวกับที่ต่อมา ถูกพันธมิตรต่างชาติ เผาทำลายไปนั่นเอง แม้ว่า หย่งเจิ้งจะเป็นคนที่เข้มงวดเรื่องภาษี แต่แกเน้นประสิทธิภาพอย่างมาก ดูได้จากหย่งเจิ้งนั้น ประกาศลดภาษีส่วนบุคคลลง เหลือเพียงภาษีที่ดินเท่านั้น ทำให้ประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นด้วย
โดยข้อที่เด่นที่สุด ของ ฮ่องเต้ หย่งเจิ้ง คือ เป็นฮ่องเต้ที่ทำงานหนัก โดยฮ่องเต้หย่งเจิ้งนั้น เริ่มต้นทำงานทุกวันในเวลา ตีห้า โดยฮ่องเต้หย่งเจิ้งนั้น จะหยุดทำงานแค่ วันเกิดตัวเองเท่านั้น แต่แล้วอยู่ดีๆ วันที่ 23 สิงหาคม ปี ค.ศ. 1735 ฮ่องเต้ ย่งเจิ้ง ก็เสด็จสวรรคต ด้วยวัยเพียง 56 ปี แม้ในบันทึกจะระบุว่า ป่วยหนัก ก็ตาม แต่ก็มีข่าวลือว่า ฮ่องเต้ย่งเจิ้งถูกลอบปลงพระชนม์ และถูกตัดหัว โดยคาดว่า ฆาตกรน่าจะเป็น จอมยุทธ์หญิง หลี่ื่ซื่อเหนี่ยง (吕四娘)
หลี่ซื่อเหนียง
ประวัติของหลี่ซื่อเหนียงนั้นมีไม่มากนัก โดยเริ่มจาก ปู่ของเธอคือ หลี่ หลิวเหลียง 吕留良 เป็นปัญญาชนชาวฮั่น ที่เขียนหนังสือ และเปิดโรงพิมพ์เพื่อพิมพ์เอกสารต่อต้านราชงศ์ชิง โดยเฉพาะ งานวิจารณ์ การแบ่งชนชั้นชาวจีน กับ ชนเผ่าต่างๆ ในราชวงศ์ชิง โดยยุคนั้น คือ ชาวแมนจู ชาวนอกเมือง ชาวฮั่นเหนือ และสุดท้ายคือชาวฮั่นใต้
แน่นอนว่า เนื้อหาที่แท้จริง คือการปลุกระดม ต่อต้านชิง กู้หมิง นั่นเอง และสิ่งนี้เองที่หมิ่นเหม่ต่อการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ โดยหลี่ หลิวเหลียง นั้นมีลูก 7 คน คนโตคือ หลี่เป่าจง ที่ฉลาดขนาดสอบได้ตำแหน่ง ปั้งงัง หรือ บัณฑิตหน้าพระที่นั่งอันดับสอง เป็นรองเพียงตำแหน่ง จอหงวน เท่านั้น ทำให้ หลี่เป่าจง ต้องทำงานที่เมืองหลวง
เมื่อฮ่องเต้ย่งเจิ่ง ได้อ่านบทความของ หลี่ หลิว เหนียง ก็โกรธจัด และออกเอกสาร 'ต้าอี้เจี๋ยมี๋ลู่' ขึ้นมาเพื่อโต้แย้งทฤษฎีการแบ่งชนชั้น และสั่งให้เผยแพร่ไปให้ทั่วประเทศ นอกจากนี้ เพื่อเป็นการเชือดไก่ให้ลิงดู หย่งเจิ้ง ก็ให้ขุดศพหลี่หลิวเหลียงที่ตายไปนานแล้วขึ้นมาสับเป็นชิ้นๆ รวมถึง สั่งประหารคนในครอบครัวอีกด้วย
นั่นคือ โทษประหารทั้งตระกูลนั่นเอง ส่งผลให้หลี่เป่าจง ลูกชายนั้นแม้ว่าจะรับราชการก็โดนโทษประหารไปด้วย แต่ข่าวสารยุคนั้น กว่าไปถึงภรรยา ก็ล่าช้าเกินไป เพราะขณะนั้น ภรรยาของ หลี่เป่าจง ได้พาลูกสาว คือ หลี่ซื่อเหนียง เข้ามาที่ เมืองหลวง เพื่อมาเยี่ยม หลี่เป่าจง แต่หลี่เป่าจง กลับถูกประหารชีวิตไปแล้ว
แต่โชคดี ทั้งคู่ได้มาพบกับ ลูกน้องเก่าของ หลี่เป่าจง ก่อน จึงได้เล่าเหตุการณ์ต่างๆ ให้ฟังว่า ฮ่องเต้ย่งเจิ้ง นั้น ตอบโต้ บทวิจารณ์ของ หลี่หลิวเหลียง แถมยังสั่งให้ขุดศพขึ้นมา เฆี่ยนให้ชาวบ้านดู นอกจากนี้ เหล่าศิษย์ หรือ ใครที่ยังครอบครอง สิ่งพิมพ์ของหลี่หลิวเหลียง ก็จะต้องโทษประหาร อีกด้วย
จากนั้น ลูกน้องเก่าจึงรีบพาแม่ลูกคู่นี้ไปหา หงตู้ ฉายา ปัญญาชนเร้นกาย ที่เป็นอดีตแม่ทัพสมัยฮ่องเต้คังซี แต่ลาออกมาใช้ชีวิตอย่างสงบ เพื่อให้ช่วยดูแล แม่ลูกคู่นี้ แต่ หงตู้ นั้นต้องฝึกวิชายุทธ์ทุกเช้า หลี่์่ซื่อเหนียง จึงแอบฝึกตาม เมื่อ หงตู้ รู้ จึงรับ หลี่์ซื่อเหนียง เป็นศิษย์ โดยหงตู้ได้พา ไปพบกับแม่ชี อู้อิน อดีตองค์หญิงฉงเจิน ธิดาของฮ่องเต้ราชงศ์หมิง ที่นี่เอง หลี่์ซื่อเหนียง ยังได้ ฝึกวิชากระบี่บู๊ตึ้ง และวิชาตัวเบา
โดยตำนานเล่าว่า เธอลอบเข้าไปในวัง จับนางสนม ชื่อ ฮุ่ยเชี่ยน แล้วใช้ผ้าคลุมตัวไว้ ปลอมตัวเป็นฮุ่ยเชี่ยน เพื่อเข้าไปพบฮ่องเต้ย่งเจิ้น เมื่อสบโอกาสก็ชักกระบี่ตัดหัว ฮ่องเต้ย่งเจิ้ง แล้วลอบเอาหัวของฮ่องเต้ย่งเจิ้งออกมานอกวัง โดยมีข่าวลือว่า ในพิธีฝังพระศพนั้น ฮ่องเต้ย่งเจิ้ง ต้องใช้ศีรษะทองคำแทนหัวที่หายไปอีกด้วย
มาถึงตรงนี้ ฟังดูแล้ว เหมือนนิยายกำลังภายใน แต่ในทางประวัติศาสตร์ กลับมีหลักฐานยืนยันตัวตนของ หลี่ซื่อเหนียง อีกด้วย นั่นคือ บันทึกทำเนียบศิษย์บู๊ตึ้ง สายตัน ที่มีชื่อ หลีซื่อเหนียง อยู่จริงๆ นั่นคือ เธอมีตัวตนจริง และเป็นศิษย์บู๊ตึ้งจริงๆ
แต่หากมานับอายุกันแล้ว ในปีที่ฮ่องเต้ย่งเจิ้งสวรรคต นั้นคือ ปี ค.ศ. 1735 นั้น หลี่ซื่อเหนียง เอง กลับมีอายุเพียงแค่ 13 ปีเท่านั้น ดังนั้นไม่น่าเป็นไปได้ที่ เด็กหญิงอายุ 13 ขวบ จะลอบเข้าวังไปฆ่าฮ่องเต้ได้ ดังนั้นเรามาดูเรื่องที่นักประวัติศาสตร์คาดคะเนเรื่องจริงกัน
ปริศนาการสรรคตของ หย่งเจิ้ง
ฮ่องเต้ ย่งเจิ้ง นั้นเป็นคนที่ทรงงานหนัก ทำให้ร่างกายอ่อนแอ แต่แล้ว ได้รู้จักกับนักพรต เจี่ยซื่อฟาง 贾士芳 เมื่อได้ยาจากนักพรต อาการป่วยก็หายป่วยทันที นับแต่นั้นมา ฮ่องเต้ย่งเจิ้ง ก็ได้รับยาปรุงจากนักพรต มาเสวย ทุกวัน นักประวัติศาสตร์ค้นพบหลักฐานชัดเจนว่า ทางวังมีการสั่ง สารเคมีเข้ามาปรุงยาจำนวนมาก รวมไปถึง สารตะกั่วดำ นอกจากนี้ อีกหลักฐานหนึ่งก็คือ ในคืนวันที่ฮ่องเต้หยงเจิ้ง จะสวรรคต นั้นก็มีหลักฐานว่า คืนนั้นเองได้มีการลงนามแต่งตั้ง องค์ชาย หงลี่ ขึ้นเป็นองค์รัชทายาท ที่ต่อมาก็คือ ฮ่องเต้ เฉียนหลง นั่นเอง โดยหลังจาก ฮ่องเต้เฉียนหลงขึ้นนั่งบังลังค์แล้ว ก็ทรงไล่เหล่านักพรตออกจากวังทั้งหมด
นั่นคือ ตำนาน หลี่ซื่อเหนียง นั้น ตัวหลี่ซื่อเหนียงน่าจะมีตัวตนจริง แต่ตำนานฮ่องเต้หยงเจิ้งตายแบบไร้หัวนั้น เป็นแค่ตำนานอย่างแน่นอน
สิ่งที่อยากอธิบายตรงนี้ก็คือ ประวัติศาสตร์จีนนั้น คนจีนมักจะแยกเป็น 2 อย่าง คือประวัติศาสตร์แบบทั่วไป คือประวัติศาสตร์ที่ได้รับการตรวจสอบเรียบร้อยแล้ว อีกประเภทหนึ่ง ก็คือ ประวัติศาสตร์เถื่อน คือมักเป็นเรื่องเล่าขานของชาวบ้าน โดยในช่องนี้ ผมจะเรียกพวกนี้ว่า เป็นตำนาน เน้นอีกครั้ง แม้จะเป็นช่องผมจะเป็นแชนแนลประวัติศาสตร์ แต่ถ้าผมใช้คำว่า ตำนาน นั่นคือ มันน่าจะเป็นเรื่องแต่งเติมจากประวัติศาสตร์นะครับ หากมีผู้มาคอมเม้นท์ว่า ช่องนี้มั่ว ข้าน้อยขอแจ้งอีกครั้งนะครับว่า ผมระบุไปแล้วนะครับว่า นี่คือตำนาน ที่สำคัญกว่าก็คือ ตำนานเรื่องเดียวกัน ก็ยังไม่ตรงกันเลย อย่างครั้งนี้ บางตำนานว่า หลี่หนีวเหลียงเป็นพ่อหลี่ซื่อเหนียง แต่ บางตำนานว่า หลี่หนิวเหลียงเป็นปู่ของหลี่ซื่อเหนียง สิ่งนี้เองครับที่ ทำให้คนที่อาจรู้เรื่องราวตำนานด้านเดียว ก็คิดว่า ตัวเองนั้นรู้เรื่องตำนานเหล่านี้ดีแล้ว แต่ความจริง ตำนานตัวมันเองก็ยังมีหลายเวอร์ชั่นเลยครับ
ครับถ้าชอบคลิปนี้อย่าลืมกดไลท์กดแชร์กด ซับให้ด้วยนะครับ